บทสัมภาษณ์ มร. เหริน เจิ้งเฟย กับสื่อจีนบางส่วน
CCTV: วานนี้ (ตามเวลาของสหรัฐฯ) สหรัฐอเมริกาได้ออกใบอนุญาตชั่วคราวให้กับหัวเว่ย หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ จะมีการผ่อนผันการแบนหัวเว่ยออกไป 90 วัน คุณมองเรื่องใบอนุญาตนี้อย่างไร คุณสามารถทำอะไรได้บ้างในช่วง 90 วันนี้ และหากข่าวนี้เป็นจริง และสหรัฐฯ ยกเลิกการแบนหลังจาก 90 วันไปแล้ว คุณคิดเห็นอย่างไรกับการกลับไปกลับมาเช่นนี้
มร. เหริน: ก่อนอื่นเลย 90 วันไม่ได้มากมายสำหรับเรา เราเองก็ได้เตรียมการไว้แล้ว สำหรับเราสิ่งที่สำคัญที่สุดคือทำงานของเราให้ดี ส่วนสิ่งที่สหรัฐฯ จะทำนั้นอยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา ผมอยากใช้โอกาสนี้ขอบคุณบริษัทอเมริกันที่เราทำงานด้วย ตลอด 30 ปีที่ผ่านมาพวกเขาได้ช่วยให้เราเติบโตขึ้นจนเป็นเราในทุกวันนี้ พวกเขามีส่วนสนับสนุนเราอย่างมาก พวกเขาสอนเราถึงวิธีการที่ถูกต้องและการบริหารบริษัท อย่างที่คุณทราบกันนั่นแหละ บริษัทส่วนใหญ่ที่ให้บริการคำปรึกษาแก่หัวเว่ยนั้นอยู่ในสหรัฐอเมริกา รวมถึงบริษัทหลายแห่งอย่าง IBM และ Accenture
ข้อสอง เราได้รับการสนับสนุนจากผู้ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์และอะไหล่จำนวนมากในสหรัฐฯ ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา เมื่อต้องเจอกับวิกฤติที่เกิดขึ้น ผมรู้สึกได้ถึงความยุติธรรมและความเห็นอกเห็นใจที่บริษัทเหล่านี้มีต่อเรา เมื่อสองวันที่แล้ว ราว ๆ ตีสองหรือตีสาม อีริค ซฺหวี่ (หนึ่งในประธานกรรมการหมุนเวียนตามวาระของหัวเว่ย) ได้โทรมาหาผมและบอกว่าซัพพลายเออร์ในอเมริกาของเราทำงานหนักเพียงใดเพื่อเตรียมสต็อกสินค้าให้เรา ผมถึงกับน้ำตาไหล ดังคำกล่าวของจีนที่ว่า การกระทำที่ชอบธรรมจะได้รับพลังสนับสนุนมหาศาล ขณะที่สิ่งที่ไม่ชอบธรรมจะได้ความช่วยเหลือเพียงน้อยนิด เพราะจนถึงปัจจุบัน บริษัทอเมริกันบางรายยังคงหารือกับรัฐบาลสหรัฐฯ ถึงเรื่องการขออนุมัติอยู่
สหรัฐฯ ได้เพิ่มหัวเว่ยเข้าใน Entity List นั่นหมายความว่า หากบริษัทอเมริกันต้องการขายสินค้าให้กับหัวเว่ย จะต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลสหรัฐฯ
สหรัฐฯ เป็นประเทศที่ปกครองด้วยกฎหมาย บริษัทอเมริกันก็ต้องทำตามกฎหมาย และกลไกทางเศรษฐกิจก็เช่นกัน พวกคุณที่เป็นสื่อจึงไม่ควรเอาแต่ตำหนิบริษัทอเมริกัน แต่ควรพูดชื่นชมพวกเขาด้วย หากจะต้องตำหนิก็ควรจะเป็นนักการเมืองสหรัฐฯ บางคน ผมคิดว่าเราไม่ควรจะโยนความผิดโดยไม่แยกแยะ โดยไม่รู้ว่ามันจะตกอยู่กับคนที่ถูกต้องหรือไม่ ถ้าทำเช่นนั้น เราอาจจบลงด้วยการพุ่งเป้าไปผิดคน สื่อควรจะเข้าใจว่าบริษัทสหรัฐฯ เหล่านี้และหัวเว่ยต่างตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน เราทั้งคู่เป็นผู้เล่นในระบบเศรษฐกิจแบบตลาด
นักการเมืองสหรัฐอาจจะประเมินเราต่ำเกินไป ผมไม่อยากพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเกินไปเพราะ Ms. He Tingbo ประธานของ HiSilicon ได้อธิบายเรื่องพวกนี้อย่างชัดเจนไปแล้วในจดหมายถึงพนักงานของเธอ และหนังสือพิมพ์กระแสหลักทั้งในและนอกประเทศจีนก็ได้รายงานเรื่องจดหมายนี้กันไปหมดแล้ว
People's Daily: ผมอยากถามคำถามเกี่ยวกับชิพ ผมสังเกตเห็นคุณพูดในระหว่างให้สัมภาษณ์กับสื่อญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ที่ผ่านมาว่า “หัวเว่ยไม่ต้องการชิพจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งเรื่องนี้ไม่เป็นปัญหากับหัวเว่ยแต่อย่างใด” และในจดหมายถึงพนักงานหัวเว่ย คุณกล่าวว่า หัวเว่ยมีจุดแข็งและได้เตรียมการไว้แล้ว ผมขอถามได้มั้ยครับว่าจุดแข็งของคุณมาจากไหนและคุณได้เตรียมการอะไรไว้บ้าง?
มร. เหริน: สิ่งแรกเลยคือ เรายังต้องการชิพของสหรัฐฯ อยู่เสมอ พันธมิตรในสหรัฐฯ ของเรากำลังทำหน้าที่ของพวกเขาและขออนุมัติจากกรุงวอชิงตัน หากได้รับการอนุมัติ เราจะยังซื้อชิพจากซัพพลายเออร์เหล่านี้ แม้ว่าเราอาจจะขายชิพให้กับบริษัทในสหรัฐฯ ได้ (เพื่อช่วยให้สหรัฐฯ สร้างผลิตภัณฑ์ที่ก้าวหน้ามากขึ้น) เราจะไม่ทิ้งพันธมิตรสหรัฐฯ ของเรา หรือหาทางเติบโตด้วยตัวเราเองทั้งหมด แต่เราจะเติบโตไปด้วยกัน
แม้ว่าบริษัทคู่ค้าของเราจะไม่สามารถจัดส่งชิพได้มากเพียงพอ แต่เราก็ไม่มีปัญหา เพราะเราสามารถผลิตชิพคุณภาพสูงที่เราต้องการได้เองทั้งหมด ในช่วงเวลา “ที่สงบสุข” เราใช้นโยบาย "1+1" คือ ชิพครึ่งหนึ่งมาจากบริษัทในสหรัฐฯ และครึ่งหนึ่งมาจากหัวเว่ย แม้ชิพของเราจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่ามาก ผมก็ยังจะซื้อชิพที่มีราคาสูงกว่าจากอเมริกา เราไม่สามารถอยู่แยกจากโลกนี้ได้ ดังนั้นเราก็ควรจะเป็นส่วนหนึ่งของมัน
ความสัมพันธ์อันแนบแน่นของเรากับบริษัทในอเมริกาเป็นผลมาจากความพยายามหลายทศวรรษของทั้งสองฝ่าย ความสัมพันธ์เหล่านี้จะไม่ถูกทำลายเพียงแค่กระดาษแผ่นเดียวจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ตราบใดที่บริษัทเหล่านี้ยังได้รับการอนุมัติจากวอชิงตัน เราก็จะซื้อสินค้าในปริมาณมากจากพวกเขาต่อไป หรือในกรณีที่พวกเขาไม่สามารถได้รับการอนุมัติอย่างรวดเร็ว เราก็มีหนทางที่จะก้าวผ่านช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ และเมื่อได้รับอนุมัติ เราก็จะทำการค้าตามปกติของเรากับบริษัทสหรัฐฯ เหล่านี้ และทำงานร่วมกันเพื่อสร้างสังคมข้อมูลเพื่อมวลมนุษยชาติ เราไม่ต้องการที่จะทำงานอย่างโดดเดี่ยว
เราสามารถผลิตชิพได้ดีพอๆ กับที่บริษัทอเมริกันผลิตได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ซื้อชิพจากสหรัฐฯ
Xinhua News Agency: ครั้งหนึ่งคุณเคยพูดว่า หัวเว่ยจะไม่ทำงานแบบไม่มีใครรู้ และจะร่วมมือกับคนอื่น ตอนนี้คุณกำลังบอกว่าหัวเว่ยจะทำทั้งสองอย่าง นั่นหมายความว่าการผูกขาดทางการค้าของสหรัฐฯ และการแบนหัวเว่ยของสหรัฐฯ กำลังทำลายพื้นฐานระบบซัพพลายเชนของโลก และทำให้เกิดความวุ่นวายในตลาดใช่หรือไม่ สหรัฐฯ กำลังกล่าวหาหัวเว่ยในหลายๆ ด้าน อาทิ ธรรมาภิบาลขององค์กรและการเงิน คุณคิดว่าอะไรคือเป้าหมายหลักของการวิจารณ์ ทำไมถึงต้องพุ่งเป้าไปที่หัวเว่ย
มร. เหริน: ผมไม่ใช่คนที่อ่านใจใครได้ เลยไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว นักการเมือง (สหรัฐฯ) กำลังคิดอะไรอยู่ ผมคิดว่าเราไม่ควรจะตกเป็นเป้าหมายของการชักจูงที่มีสหรัฐฯ เป็นตัวตั้งตัวตี เพียงเพราะเรามีความก้าวหน้ากว่าสหรัฐฯ เทคโนโลยี 5G ไม่ใช่ระเบิดปรมาณู แต่เป็นสิ่งที่จะสร้างประโยชน์ให้กับสังคม
ในด้านประสิทธิภาพ เครือข่าย 5G ดีกว่า 4G 20 เท่า และ 2G ถึง 10,000 เท่า สถานีฐานของ 5G ใช้พลังงานไฟฟ้าต่อบิตต่ำกว่า 4G 10 เท่า และขนาดเล็กกว่า 70% สถานีฐานของ 5G มีขนาดเล็กมาก ประมาณเท่ากระเป๋าเอกสาร น้ำหนักก็เบาราว 20 กิโลกรัม คุณไม่จำเป็นต้องสร้างเสาโทรคมนาคมสำหรับสถานีฐาน 5G เพราะสามารถติดตั้งไว้ที่ไหนก็ได้ บนเสาหรือกำแพง มันสามารถทำงานได้เป็นสิบๆ ปี เพราะสร้างจากวัสดุกันสนิม หมายความว่า อุปกรณ์ 5G สามารถที่จะติดตั้งได้แม้ในระบบน้ำทิ้งใต้ดิน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับตลาดยุโรปซึ่งในพื้นที่หลายแห่งมีอาคารที่เก่าแก่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และไม่สามารถสร้างเสาโทรคมนาคมขนาดใหญ่ได้เหมือนในประเทศจีน แน่นอนว่า เสาที่มีอยู่ในจีนจะไม่ถูกปล่อยทิ้งไว้โดยไร้ประโยชน์ เพราะสถานีฐาน 5G สามารถที่จะติดตั้งไว้บนเสาเหล่านั้นได้ด้วย นั่นคือเหตุผลที่เราไม่จำเป็นต้องสร้างเสาใหม่
ด้วยสถานีฐาน 5G ของเรา ลูกค้าของเราในยุโรปสามารถที่จะลดต้นทุนด้านวิศวกรรมลงได้ราว 10,000 ยูโร/สถานี พวกเขาไม่ต้องใช้เครนในการติดตั้ง และไม่ต้องสร้างเสาใหม่ ในอดีต ลูกค้าของเราต้องใช้เครนในการติดตั้งอุปกรณ์ชิ้นส่วนของสถานีฐานชิ้นใหญ่ๆ และจะต้องปิดถนนโดยรอบในระหว่างการติดตั้ง ตอนนี้พวกเขาสามารถติดตั้งสถานีฐาน 5G ได้ง่ายๆ ด้วยมือ มันง่ายจริง ๆ
แบนด์วิดท์ของ 5G นั้นสูงมาก สูงในระดับที่สามารถรองรับเนื้อหาข้อมูลแบบรายละเอียดสูงในปริมาณมากได้ และส่งวิดีโอ 8K ได้อย่างง่ายๆ พวกเขาพูดกันว่า 5G จะลดต้นทุนลงได้สิบเท่า อันที่จริงมันน่าจะเป็น 100 เท่ามากกว่า นั่นหมายความว่าคนทั่วไปสามารถที่จะดูรายการทีวี ความละเอียดสูง และสามารถเรียนรู้ได้มากมายจากรายการเหล่านี้ ในการพัฒนาขั้นต่อไป ทุกประเทศต้องพึ่งพาวัฒนธรรม ปรัชญาและการศึกษา สิ่งเหล่านี้จะเป็นรากฐานของการพัฒนาชาติ ดังนั้น 5G จะเปลี่ยนสังคมของเราให้ดีขึ้น ความหน่วงของเครือข่าย 5G ก็ต่ำมากๆ ดังนั้น 5G จะได้รับการนำไปใช้อย่างรวดเร็วในหลายๆ อุตสาหกรรมสำหรับทุกวัตถุประสงค์
Xinhua News Agency: คุณคิดว่าตลาดต่างประเทศจะถูกทำลายหรือไม่
มร. เหริน: ผมไม่คิดอย่างนั้นนะ ยุโรปจะไม่ดำเนินตามรอยเท้าของสหรัฐฯ และบริษัทสหรัฐฯ ส่วนใหญ่กำลังคุยกับเราอย่างใกล้ชิด
Global Times: คุณได้พูดถึงผลกระทบต่อหัวเว่ย จดหมายจากประธาน HiSilicon ทำให้สื่อตื่นเต้นกันมากทีเดียว คนในอุตสาหกรรมชิพเซ็ทใช้แนวทางที่เน้นวัตถุประสงค์เพื่อเติมเต็มช่องว่างระหว่างบริษัทในประเทศจีน สหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ในเรื่องของชิพ และชิ้นส่วนหลักอื่นๆ คุณคิดว่าผลิตภัณฑ์อินเฮ้าส์และ R&D ของหัวเว่ยมีสถานะเป็นอย่างไร จดหมายฉบับนั้นเป็นประกันว่าหัวเว่ยสามารถเดินหน้าระบบซัพพลายให้ต่อเนื่องได้ การรับประกันนี้เป็นจริงหรือไม่ แล้วมีจุดที่วิกฤตหรือไม่ และมันคือส่วนไหน
มร. เหริน: มันคุ้มค่าที่จะเรียนรู้จากบริษัทสหรัฐฯ ในเรื่องความรอบรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เราล้าหลังในหลาย ๆ ด้าน บริษัทอเมริกันเล็กๆ บางรายกำลังจัดหาผลิตภัณฑ์ที่ก้าวหน้าเหนือระดับ เราแค่เน้นในเรื่องธุรกิจของเราและกลายมาเป็นผู้นำ แต่เราไม่ได้พยายามที่จะเปรียบเทียบตัวเราเองกับสหรัฐอเมริกาในระดับประเทศ ในระดับของธุรกิจ ผมคิดว่าช่องว่างระหว่างหัวเว่ยและบริษัทสหรัฐฯ บางรายก็เล็กมากทีเดียว แต่ในระดับประเทศ มีช่องว่างที่ใหญ่มาก ๆ ระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา
ช่องว่างในระดับชาติเกี่ยวข้องอย่างมากกับเศรษฐกิจฟองสบู่ในประเทศจีน มีฟองสบู่อยู่ในหลายอุตสาหกรรม รวมถึงการกู้ยืมระหว่างบุคคล อินเทอร์เน็ต การเงิน และอสังหาริมทรัพย์ มีสินค้าลอกเลียนแบบ ซึ่งก็เป็นฟองสบู่เหมือนกัน ผลก็คือ ฟองสบู่ก็ปรากฏในวงการศึกษาด้วย การพัฒนาทฤษฏีพื้นฐานใหม่ใช้เวลาหลายทศวรรษ ถ้านักวิชาการเน้นพูดมากกว่าการพัฒนาทฤษฏีให้เกิดขึ้นเป็นที่ประจักษ์ ประเทศของเราก็คงจะไม่แข็งแกร่งขึ้นในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า เราควรจะต้องยืนหยัดและมุ่งมั่นทำงานของเรา
The Paper: ผู้บริหารหัวเว่ยท่านอื่นได้พูดว่า หัวเว่ยยังสามารถให้บริการลูกค้าได้ต่อเนื่อง การแบนของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบกับลูกค้ารายใหญ่ๆ และธุรกิจของคุณหรือไม่ คุณจะตอบเรื่องนี้อย่างไร
มร. เหริน: แน่นอนเราจะสามารถให้บริการลูกค้าของเราได้อย่างต่อเนื่อง ศักยภาพการผลิตระดับแมสของเรานั้นมีมหาศาล และการเพิ่มหัวเว่ยเข้าไปใน Entity List จะไม่ส่งผลกระทบกับเรามากนัก และเราก็มีการประมูลโครงการไปทั่วโลก
การเติบโตของเราจะช้าลง แต่จะไม่มากเท่าที่ทุกคนคิด ในไตรมาสแรกของปีนี้ รายได้ของเราเพิ่มขึ้น 39% สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน อัตรานี้จะลดลง 25% ในเดือนเมษายน และอาจจะยังลดลงไปเรื่อยๆ จนสิ้นปี แต่การแบนของสหรัฐฯ จะไม่ทำให้การเติบโตต้องติดลบ หรือทำให้การพัฒนาอุตสาหกรรมของเราแย่ลง
Science and Technology Daily: อุตสาหกรรมจะได้รับผลกระทบอย่างไรหากสหรัฐฯ ตัดระบบซัพพลายเชน
มร. เหริน: บริษัทของเราจะไม่สะดุดลงเพราะขาดแคลนชิ้นส่วน เราเตรียมการไว้ดีพอ เมื่อต้นปี ผมคาดการณ์เอาไว้ว่า เรื่องทำนองนี้อาจเกิดขึ้นในอีกสองปี และสหรัฐฯ จะไม่ลงมือก่อนที่คดีความที่สหรัฐฯ ยื่นฟ้องเราจะได้รับการตัดสินในศาล เราค่อนข้างมั่นใจว่าสหรัฐฯ จะดำเนินการกับเราไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม เราคิดว่าเราอาจจะมีเวลาสักสองปีสำหรับเตรียมการณ์ แต่เมื่อเมิ่ง หว่านโจว ถูกจับ นั่นคือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง
คุณอาจจะรู้อยู่ว่าเราก็ทำงานในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา และผมก็ได้ไปเยี่ยมเยียนพนักงานของเราที่ทำงานในช่วงวันหยุด เฉพาะในประเทศจีน พนักงานฝ่ายบริการราว 5,000 คน เช่น พนักงานรักษาความปลอดภัย พนักงานทำความสะอาด และพนักงานในโรงอาหาร ยังต้องอยู่เพื่อให้บริการ “นักสู้” ของเรา พวกเขาได้รับเงินเดือนสูงขึ้นกว่าปกติหลายเท่า บริษัทได้จ่ายค่าอาหารให้ซัพพลายเออร์เท่าตัว และจ่ายพนักงานบริการเป็นพิเศษ พนักงานของเราหลายคนไม่ได้กลับบ้านในช่วงตรุษจีน เพื่อประหยัดเวลาไว้ให้กับการทำงาน พวกเขาได้เอาเบาะมานอนบนพื้นเพื่อนอนในช่วงบ่าย เช่นเดียวกับช่วงวันหยุดแรงงาน พนักงานของเราจำนวนมากเลือกที่จะอยู่ที่นี่
Financial Weekly: หลังจากที่มาตรการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ มีผลบังคับใช้ คาดว่าซัพพลายเออร์ของหัวเว่ยในญี่ปุ่น ยุโรป และไต้หวัน น่าจะช่วยหัวเว่ยได้มาก หากมาตรการควบคุมการส่งออกนี้เกิดใช้ไม่ได้ผล คุณคิดว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะเดินหน้ากดดันบริษัทต่างๆ อย่าง TSMC หรือไม่ แม้หัวเว่ยจะผลิตชิพเองได้ แต่ก็ไม่ได้มีศักยภาพเทียบเท่าระบบห่วงโซ่ทั้งระบบ
มร. เหริน: หากมีบริษัทจำนวนมากขึ้นพร้อมใจกันไม่ก้มหัวให้กับการกดดันครั้งนี้ บริษัทอื่นๆ ก็จะทำตาม ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ มันจะไม่เป็นอย่างนั้นหรอก
Financial Weekly: เมื่อดูจากสิ่งที่กูเกิ้ลทำเมื่อเร็วๆ นี้ ผู้ใช้งานในยุโรปกังวลเป็นอย่างยิ่งว่าสมาร์ทโฟนของหัวเว่ยจะไม่สามารถใช้งานระบบแอนดรอยด์เวอร์ชั่นใหม่ที่จะออกมาในอนาคตได้ คุณมีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร
มร. เหริน: กูเกิ้ลเป็นบริษัทที่ดีมีความรับผิดชอบสูง ทางบริษัทกำลังพยายามโน้มน้าวให้รัฐบาลสหรัฐแก้ไขปัญหานี้ ตอนนี้เรากำลังหารือถึงทางออกที่เป็นไปได้สำหรับปัญหานี้ และบรรดาผู้เชี่ยวชาญของเราก็ยังคงทำงานในเรื่องนี้อยู่ ผมจึงยังไม่อาจให้คำตอบที่ลงรายละเอียดแก่คุณได้วันนี้
Science and Technology Daily: คุณกล่าวว่าการพัฒนาชิพไม่ได้ใช้เงินอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังต้องมีนักฟิสิกส์และนักคณิตศาสตร์ด้วย ในฐานะบริษัท หัวเว่ยและตัวคุณเอง คุณได้พูดถึงการศึกษาและงานวิจัยขั้นพื้นฐานไปหลายครั้งแล้วนั้น และเราก็ทราบมาจากโฆษณาของคุณด้วยว่า หัวเว่ยให้ความสำคัญกับประเด็นนี้ หัวเว่ยมีการดำเนินการเป็นการเฉพาะหรือไม่ในส่วนของการศึกษาและการวิจัยขั้นพื้นฐาน และสิ่งนี้จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาของหัวเว่ยในอนาคตได้ในลักษณะใด
มร. เหริน: อย่างแรกเลย เรามีศูนย์วิจัยและพัฒนา 26 แห่งทั่วโลก มีนักคณิตศาสตร์ 700 คนและนักฟิสิกส์ 800 คน และนักเคมีอีก 120 คนทำงานที่หัวเว่ย เรามีสถาบันการวิจัยเชิงกลยุทธ์ที่มอบเงินสนับสนุนจำนวนมหาศาลให้กับศาสตราจารย์ที่มีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัยทั่วโลก เราไม่หวังที่จะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนนี้ การสนับสนุนการวิจัยของเรานั้นก็เหมือนกับรูปแบบการลงทุนตามข้อมูลที่อ้างอิงในกฎหมาย Bayh-Dole Act ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งผู้ที่จะได้ประโยชน์จากการลงทุนก็คือมหาวิทยาลัย ด้วยวิธีดังกล่าวนี้ เราจะร่วมทำงานกับนักวิทยาศาสตร์จำนวนมากขึ้นในการค้นคว้าวิจัยเทคโนโลยีในขั้นต่างๆ
มองกันว่ามาตรฐานเทคโนโลยี 5G จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อสังคมอย่างยิ่งใหญ่ แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะนึกได้ว่า มาตรฐานเหล่านี้มาจากรายงานทางคณิตศาสตร์ที่เขียนขึ้นโดยศาสตราจารย์ชาวตุรกี นามว่า เออร์ดัล อาริกาน เมื่อกว่าทศวรรษที่แล้ว เราได้ค้นพบรายงานฉบับนี้สองเดือนหลังจากที่ได้ตีพิมพ์ไปแล้ว หลังจากนั้นเราก็เริ่มทำการวิจัย วิเคราะห์และจดสิทธิบัตรเทคโนโลยีที่ค้นพบจากกระดาษแผ่นนี้ พนักงานของหัวเว่ยหลายพันคนเองก็มีส่วนร่วมในการวิจัยนี้ เราใช้เวลาร่วมทศวรรษในการแปลงหน้ากระดาษที่มีสูตรคณิตศาสตร์ให้เป็นเทคโนโลยีและมาตรฐาน เรามีสิทธิบัตรมาตรฐาน 5G ที่ครอบคลุมมากที่สุดในโลก คิดเป็น 27% ของมาตรฐานที่ใช้งานกันอยู่
ศาสตราจารย์อาริกานไม่ใช่พนักงานของหัวเว่ย แต่เราได้สนับสนุนการวิจัยของเขาเพื่อให้ศาสตราจารย์ดูแลรับผิดชอบนักศึกษาปริญญาเอกได้มากขึ้น ซึ่งหัวเว่ยก็ได้สนับสนุนนักศึกษาเหล่านั้นด้วย นอกจากนี้เรายังส่งเสริมศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่น มีนักศึกษาปริญญาเอกสี่คนของศาสตราจารย์อาริกาน ทั้งสี่คนนี้ได้ทำงานร่วมกับหัวเว่ย แต่ประจำอยู่ที่ออฟฟิศของศาสตราจารย์ จากนั้นเขาก็ได้คัดเลือกนักศึกษาปริญญาเอกอีกสี่คนเพื่อทำงานร่วมกับเขา ทั้งหมดแปดคนนี้ทำงานให้กับเขาในเวลาเดียวกัน เอกสารทั้งหมดนี้ถือเป็นสมบัติของพวกเขา ไม่ใช่ของหัวเว่ย หากเราต้องการใช้ผลการค้นคว้าทางวิชาการ เราต้องจ่ายให้พวกเขา วิธีดังกล่าวนี้เป็นไปตามแนวทางที่ระบุในกฎหมาย Bayh-Dole Act ของอเมริกา เราได้ใช้วิธีดังกล่าวนี้ในการทำงานร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ให้มากยิ่งขึ้น
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราได้จัดงานประชุมนักวิทยาศาสตร์ระดับโลก ผมเองก็ได้เข้าร่วมงานนี้ผ่านวิดีโอทางไกล มีนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ไฟแรง ทุกคนมีดีกรีระดับปริญญาเอกเข้าร่วมงาน และแนะนำให้ผมรู้จักกับเทคโนโลยีนี้ พวกเขาอธิบายให้ผมฟังว่ากระดาษแต่ละแผ่นนั้นสำคัญต่อสังคมในอนาคตอย่างไร เราสามารถสื่อสารด้วยวิธีดังกล่าวได้อย่างเสถียรทั่วถึงกันทั้งโลก ช่วยให้เราซึมซับความคิดใหม่ๆ และช่วยให้พวกเขาเข้าใจความต้องการของเรา วิธีนี้ทำให้เราสามารถสื่อสารถึงกันได้อย่างเสถียร
เมื่อพูดถึงการครองใจคนเก่งๆ บริษัทตะวันตกถือว่ามองการณ์ไกลกว่าเรา พวกเขาค้นหาและคัดเลือกคนเก่งๆ เข้ามาทำงานในฐานะเด็กฝึกงาน มีการอบรมอย่างเข้มข้นระหว่างการฝึกงาน ซึ่งแตกต่างจากการทำงานในแบบเดิมที่ใช้วิธีการหาเด็กจบใหม่ในประเทศจีน
ตอนนี้ เรามีโอกาสแข่งขันกับบริษัทอเมริกันมากขึ้นในแง่ของการคัดเลือกคน แต่เราก็ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะดึงดูดคนเก่ง เราเสนองานให้กับนักศึกษาที่เก่งสุดยอด ระดับหัวกะทิตั้งแต่พวกเขาเรียนอยู่ปีสอง เช่น นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยโนโวซีบีรสค์ที่ได้แชมป์หรือรองแชมป์ในการแข่งขันเขียนโปรแกรม International Collegiate Programming Contest เป็นเวลาติดต่อกันหกปี ซึ่งกูเกิ้ลเองก็ได้เสนอค่าตอบแทนที่สูงกว่า 5-6 เท่าของอัตราทั่วไปเพื่อจ้างพวกเขาเข้ามาทำงาน ส่วนเราจะเริ่มในปีนี้โดยจ่ายให้สูงกว่ากูเกิ้ลเพื่อดึงดูดคนเก่งให้เข้ามาคิดค้นนวัตกรรมในรัสเซีย เราจะร่วมแข่งขันเพื่อดึงตัวคนเก่ง
เราไม่ต้องการที่จะให้นักวิทยาศาสตร์ต้องประสบความสำเร็จทุกครั้งไป ความล้มเหลวก็เป็นความสำเร็จในแบบหนึ่งเพราะช่วยพัฒนาความสามารถ วิธีนี้จะทำให้เราสามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
China Business Journal: ผมมีสองคำถาม คำถามแรก ธุรกิจคอนซูเมอร์เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้หัวเว่ยมากที่สุด ตามด้วยโทรคมนาคมและเอ็นเตอร์ไพรส์ คุณคิดว่าสัดส่วนรายได้ของธุรกิจทั้งสามกลุ่มนี้จะเป็นอย่างไรในอีกห้าหรือสิบปีข้างหน้า คำถามที่สอง สถานการณ์ในปัจจุบัน คุณจะกำหนดบทบาทในอนาคตของ HiSilicon ในหัวเว่ยอย่างไร
มร. เหริน: บทบาทของชิพ HiSilicon คือเป็นกองหนุนของหัวเว่ย ที่เดินหน้าไปพร้อมกับทีมปฏิบัติการของบริษัท ซึ่งอาจเปรียบได้กับรถบรรทุกเชื้อเพลิง รถเครน หรือแพทย์สนามที่เคลื่อนพลไปพร้อมกับกองกำลังหลัก
สำหรับกลุ่มธุรกิจทั้งสามกลุ่มของเรานั้น เราไม่ได้มองในแง่ที่ว่าธุรกิจที่ทำกำไรสูงสุดเป็นธุรกิจที่สำคัญสูงสุด หรือแผนกที่มีหน้าที่วางระบบเชื่อมโยงเครือข่ายเท่านั้นที่จะสามารถขึ้นมาเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของโลกได้ เป็นแผนกที่ตกเป็นเป้าโจมตีของสหรัฐฯ ได้มากที่สุด ถ้าให้เทียบก็เหมือนกับเครื่องบินที่พังยับเยิน ในความเป็นจริงนั้น เราคิดว่าแผนกนี้ไม่ได้มีปัญหามากมายเท่ากับแผนกอื่นๆ เพราะเราได้เตรียมการกันมานานแล้ว เทคโนโลยี 5G การส่งสัญญาณออพติคอล และเครือข่ายหลักของเรานั้นไม่ได้ตกอยู่ภายใต้แรงกัดดันที่ถาโถมเข้ามาในธุรกิจนี้ และเทคโนโลยีเหล่านี้จะเป็นผู้นำของโลกในอีกหลายปีต่อไป
People's Daily: ผมขอถามเกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนา หัวเว่ยได้ลงทุนอย่างหนักในด้านการวิจัยและพัฒนา ในอนาคตคุณจะเน้นลงทุนในด้านใด คุณมีการเตรียมการด้านเทคโนโลยีอย่างไร
มร. เหริน: เราได้ดำเนินงานเฉพาะเรื่องนี้ (ธุรกิจเครือข่าย) มากว่าสามสิบปี แรกเริ่มเลยนั้น เรามีพนักงานด้านนี้หลายสิบคนและเพิ่มเป็นหลายร้อยคนที่ดูแลในเรื่องนี้ และหลายหมื่นคนในเวลาต่อมา ตอนนี้เรามีพนักงานกว่าแสนคนแล้ว เราได้ทุ่มเทพลังทั้งหมดไปกับเรื่องนี้อันก่อให้เกิดการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ ทุกปีเรามีการลงทุนเป็นจำนวน 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไปกับการวิจัยและพัฒนา ซึ่งไม่มีบริษัทใดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ผลักดันการลงทุนมหาศาลในด้านเดียวกันนี้มากเท่าเรา
เรามีการทำงานในด้านการถ่ายโอนข้อมูล ซึ่งกลุ่มธุรกิจคอนซูเมอร์จะทำในส่วนของ “ก็อกน้ำ” ส่วนธุรกิจโครงข่ายโทรคมนาคมจะดูแลในส่วน “ท่อน้ำ” ยิ่งงานยากสำหรับเรามากเท่าไร ก็หมายความว่างานนั้นเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องนำพาโลกใบนี้ต่อไปและรักษาตำแหน่งของเราเอาไว้ นอกจากนี้ เราจะยังคงเพิ่มงบลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาด้วย
ผมไม่คิดว่า แรงกดดันในเรื่องผลประกอบการทางการเงินของเราที่ลดต่ำลงนั้นจะส่งผลต่อการลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนาของเรา พนักงานของเราไม่ได้ละโมบโลภมาก พวกเขามีเงินพอที่จะอยู่ได้จนถึงสิ้นเดือน ผมเองก็ยังเคยแสดงความเห็นเกี่ยวกับคู่ชีวิตของพนักงานด้านการวิจัยและพัฒนาของเราหลายคนถึงการประหยัดอดออม บางคนถามว่าผมรู้ได้ว่าพนักงานคนไหนมีความทุ่มเท ผมตอบไปว่า หากเราพูดคุยถึงคนที่ซื้อของหลายๆ อย่างจากร้านหรู และพบว่าคู่ชีวิตของพวกเขาทำงานที่หัวเว่ย พนักงานหัวเว่ยเหล่านั้นก็เป็นพนักงานที่ทุ่มเท หลังจากที่พวกเขาทำงานหาเงินที่หัวเว่ย คู่ชีวิตของพวกเขาก็ควรจะสามารถใช้จ่ายเงินได้ เพื่อที่ว่าพวกเขาจะรู้สึกมีแรงจูงใจที่จะหาเงินให้ได้มากยิ่งขึ้น
หัวเว่ยจะยังเดินหน้าทำงานในด้าน ICT และจะไม่ขยายออกไปในอุตสาหกรรมอื่น แต่ก็มีข่าวลือว่า หัวเว่ยจะเข้าร่วมในอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด อุปกรณ์สำหรับรถยนต์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของเรานั้นให้บริการเฉพาะผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำ และส่วนใหญ่ก็ติดตั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์กันอยู่แล้ว ซึ่งอาจพัฒนาไปสู่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เรามีการทำงานร่วมกับบริษัทต่างๆ ในอุตสาหกรรมยานยนต์เพื่อสร้างรถยนต์อัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม การที่พันธมิตรของเรานั้นใส่โลโก้ของหัวเว่ยบนรถไม่ได้แปลว่าเรามีการผลิตรถยนต์ เราจะไม่ผลีผลามเข้าไปทำธุรกิจด้านอื่นๆ
People's Daily: กูเกิ้ลได้ระงับการทำธุรกิจกับหัวเว่ย เพื่อตอบปัญหานี้ หัวเว่ยได้ออกแถลงการณ์ ผมอยากรู้ว่าหัวเว่ยจะได้รับผลกระทบอย่างไรในส่วนของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์
มร. เหริน: ผลกระทบก็อาจจะมีบ้าง เพราะกูเกิ้ลเป็นบริษัทใหญ่ เราทั้งสองบริษัทกำลังหาทางออกและกำลังหารือถึงแนวทางที่เป็นไปได้
Caijing: สำหรับโครงสร้างการถือครองหุ้น ก่อนหน้านี้ผมได้เคยสัมภาษณ์พนักงานของหัวเว่ยส่วนหนึ่ง พวกเขากังวลเกี่ยวกับปัญหานี้มาก ในอดีตนั้น หุ้นของหัวเว่ยมีการเติบโตเพิ่มขึ้นและพนักงานเองก็ซื้อหุ้นของหัวเว่ยเป็นจำนวนมาก ซึ่งให้ผลตอบแทนในอัตราสูง แต่ตอนนี้พวกเขามีคำถามหนึ่ง ความไม่แน่นอนในอนาคตที่เพิ่มขึ้น หากหัวเว่ยต้องพบกับปัญหา จะมีผลต่อการจ่ายเงินปันผลและกำไรต่อหุ้นหรือไม่
มร. เหริน: โดยทั่วไปแล้ว การซื้อหรือขายหุ้นของบริษัทนั้นขึ้นอยู่กับตัวพนักงานเอง เรามีกลไกที่เปิดเผยและการตัดสินใจของพนักงานของเรานั้นก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับบริษัท เงินปันผลจากหุ้นของหัวเว่ยนั้นคาดว่าจะลดลง ฝ่าย Blue Team ของเราได้วิจารณ์การที่บริษัท “แบ่งเงินปันผลในอัตราที่สูงกว่า 30% ตลอด 30 ปี” พวกเขาถามว่า “เราจะใช้อัตราเงินปันผลนี้ไปอีกนานแค่ไหน” ผมได้ให้ความเห็นเรื่องนี้ต่อคณะกรรมการบริหารของบริษัทมาทุกปีว่าเรามีกำไรเพิ่มขึ้นทุกปี แต่การลงทุนเชิงกลยุทธ์ของเรานั้นยังไม่มากพอ บันทึกการประชุมเกี่ยวกับการทบทวนตนเองของปีที่ผ่านมายังอยู่บนโต๊ะทำงานของผมอยู่เลย และผมก็ยังไม่ได้อนุมัติ ปีนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ได้อนุมัติคว่ำบาตรหัวเว่ย ซึ่งอาจส่งผลให้ผลกำไรของเรานั้นลดลงเล็กน้อย
Caijing: หมายความว่า พนักงานก็ต้องยอมรับให้ได้ทั้งผลดีและผลเสียใช่ไหม
มร. เหริน: เราเข้าใจว่าพนักงานบางส่วนคิดอย่างไร ซึ่งพวกเขาก็สามารถถอนเงินคืนได้หากต้องการ
Caijing: คุณเพิ่งบอกว่าตราบใดที่คุณไม่ยินยอมให้มีการจัดตั้งเงินกองทุนในหัวเว่ย คุณก็จะยังคงสามารถดำเนินตามเส้นทางการพัฒนาในอนาคตได้ เงินกองทุนเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และเราก็ได้ยินข่าวลือมาแล้วทุกอย่าง
มร. เหริน: ข่าวลือก็เป็นเพียงแค่ข่าวลือ แต่เราจะไม่ยินยอมให้มีการจัดตั้งเงินกองทุนในหัวเว่ย ซึ่งผู้บริหารของเราก็มีความเห็นตรงกันในเรื่องนี้ เราทำงานเพื่ออุดมการณ์ ไม่ใช่เพราะเงิน