บทสัมภาษณ์ของเหรินเจิ้งเฟยกับบลูมเบิร์ก ทีวี

2019-05-24

คำถามข้อ 1: คุณเหรินครับ ขอขอบคุณสำหรับเวลาที่สละให้เราได้มีโอกาสพูดคุยด้วย ประธานาธิบดีทรัมป์แถลงว่าหัวเว่ยเป็น บริษัทที่เป็นอันตราย ผมขออ้างคำพูดที่เขากล่าวว่า "จากจุดยืนด้านความมั่นคงปลอดภัยและจากจุดยืนด้านทหาร บริษัทนี้เป็นบริษัทที่เป็นอันตราย" คุณจะตอบเกี่ยวกับเรื่องนั้นว่าอย่างไรครับ?

คุณเหริน: ผมไม่ทราบว่าทำไมประธานาธิบดีทรัมป์ถึงคิดว่าเราเป็นอันตราย เราให้บริการด้านข้อมูลและการสื่อสารต่าง ๆ แก่คนทั่วโลกประมาณสามพันล้านคน โดยรวมถึงผู้ที่อยู่ในประเทศด้อยพัฒนาต่าง ๆ แถบแอฟริกาและภูมิภาคไกลปืนเที่ยงอื่น ๆ ด้วย เราได้พยายามอย่างหนักที่จะนำวัฒนธรรม (บริการการสื่อสาร) มาสู่พื้นที่ส่วนลึกในป่าหนาแน่นที่สุดเหมือนผู้สอนศาสนาในอดีต เราให้บริการแก่มนุษยชาติด้วยความเลื่อมใสศรัทธาในศาสนา เป็นไปได้อย่างไรที่ประธานาธิบดีทรัมป์ถึงมองว่าเราเป็นอันตราย?

5G ไม่ใช่ระเบิดปรมาณู แต่เป็นเครื่องมือสำหรับการสื่อสารข้อมูล เนื้อหาของการสื่อสารไม่เกี่ยวข้องกับเครื่องมือดังกล่าวนี้ ยกตัวอย่างเช่น ไมโครโฟน เราไม่สามารถพูดได้ว่าไมโครโฟนนี้เป็นเครื่องมือที่อันตราย เพราะสามารถส่งและขยายเสียงได้ แต่ผู้ที่พูดด้วยไมโครโฟนอาจพูดสิ่งที่ก่อให้เกิดภัยคุกคามได้ แล้วตัวเครื่องมือเองจะเป็นอันตรายไปได้อย่างไรล่ะ?

ข้อกล่าวหาของคุณทรัมป์ไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ได้เลย คุณทรัมป์มั่นใจที่จะวิเคราะห์ข้อกล่าวหานี้ต่อสาธารณะหรือไม่ครับ?


คำถามข้อ 2: การตัดสินใจของสหรัฐฯ ที่ขึ้นบัญชีดำหัวเว่ยกำลังถูกผู้ร่างกฎหมายของสหรัฐฯ บางคนตีกรอบว่าเป็นการตัดสินลงโทษประหารชีวิตบริษัท คุณเห็นว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาความเป็นความตายของหัวเว่ยหรือไม่?

คุณเหริน: ประการแรก สหรัฐฯ ตัดสินใจไม่ซื้ออุปกรณ์ของเรา ซึ่งผู้ซื้อมีอิสระอยู่แล้วในระบบเศรษฐกิจแบบตลาด สามารถเลือกที่จะไม่ซื้อหรือขายผลิตภัณฑ์ได้ เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่ปัญหาเลยครับ แต่ทางสหรัฐฯ กลับเชื่อว่าเราจะก่อให้เกิดภัยคุกคามต่อความมั่นคงปลอดภัย อันที่จริงแล้วเราแทบจะไม่มีสถานะในตลาดของสหรัฐฯเลย แล้วระบบความมั่นคงปลอดภัยของสหรัฐฯ จะเกี่ยวข้องกับเราได้อย่างไร? ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเราเลย

สหรัฐฯ เป็นประเทศที่ปกครองด้วยกฎหมาย ในประเทศเช่นนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือหลักฐาน แต่สหรัฐอเมริกากลับไม่สามารถแสดงหลักฐานใด ๆ เพื่อพิสูจน์ว่าเราเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงปลอดภัยได้เลย และเพิ่มชื่อของเราลงบัญชีดำนี้ตรงๆ แทน นักข่าวเคยสอบถามกับคุณไมค์ พอมเพโอ ว่าหลักฐานอยู่ที่ไหน แล้วดูสิ่งที่คุณไมค์ตอบว่าอะไรซิครับ เขาบอกว่าพวกนักข่าวถามคำถามผิด ดังนั้น ผมจึงคิดว่าอาจเป็นเรื่องผิดที่เพิ่มชื่อของเราลงในบัญชีดำ

สหรัฐฯ กำลังแสดงความวิตกกังวลมากเกินไป เรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผล ประเทศสหรัฐฯ มีความได้เปรียบโดยมีอำนาจเหนือกว่าทุกประเทศทั่วโลกอยู่แล้ว และเป็นเช่นนี้มาเป็นเวลาค่อนข้างนานมาก ถึงแม้ว่าบางประเทศจะสามารถตามได้ทันในอนาคต แต่สหรัฐอเมริกาจะยังคงมีความแข็งแกร่งเชิงสัมพันธ์ของประเทศ บริษัทบางแห่งสร้างความก้าวหน้าในบางสาขา สหรัฐฯ ควรรู้สึกสบายใจกับเรื่องนี้ เพราะผู้เล่นคนอื่นๆ สามารถทำงานร่วมกับสหรัฐฯ เพื่อให้บริการต่างๆ ที่ดีกว่าแก่มนุษยชาติ สหรัฐฯ พิจารณาว่าเรื่องนี้เป็นภัยคุกคามนี้ไปได้อย่างไร?

เป็นไปได้หรือไม่ที่หัวเว่ยจะล้มหลังถูกวางชื่ออยู่ในบัญชีดำ? ไม่เลย เราจะไม่ล้ม แต่เครื่องบินของเราเต็มไปด้วยรูกระสุน. อย่างที่คุณเห็นในรูปนี้ นี่คือเครื่องบินทิ้งระเบิด Il-2 ที่สร้างโดยอดีตสหภาพโซเวียตในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง นี่คือตราสัญลักษณ์ของหัวเว่ย แม้จะได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง เราไม่ต้องการที่จะพุ่งชนและต้องการแค่เพียงให้เรามีทางกลับบ้าน สถานการณ์ของเราในตอนนี้ค่อนข้างยากลำบาก แต่ก็จะไม่ทำให้เราล้มได้ การใส่ชื่อของหัวเว่ยลงในบัญชีดำอาจทำให้เรามีปัญหาบ้าง แต่เรากำลังซ่อมเครื่องบินของเราในขณะเดียวกันก็ปรับเปลี่ยนเส้นทางกลับของเรา เราจะต้องอยู่รอดได้อย่างแน่นอน

เราจะยังคงเป็นผู้นำ 5G ระดับโลกรวมถึงด้านอื่น ๆ และคู่แข่งของเราจะไม่สามารถตามเราทันภายในหนึ่งหรือสองปี


คำถามข้อ 3: คุณพูดถึงการวิเคราะห์เครื่องบินและมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจ รายชื่อบริษัทที่จัดส่งชิ้นส่วนพร้อมซอฟต์แวร์ให้หัวเว่ย และตอนนี้การตัดการจัดส่งทั้งชิ้นส่วนและซอฟต์แวร์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งครอบคลุมถึงควอลคอมม์, อินเทลและกูเกิ้ล ดังนั้น ผมขอสุ่มถามว่าคุณสามารถอยู่รอดได้นานแค่ไหนโดยไม่มีสิ่งของจำเป็นเหล่านี้ทั้งชิ้นส่วนและซอฟต์แวร์?

คุณเหริน: สหรัฐฯ ไม่ใช่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ของโลกและไม่ควรพยายามบริหารจัดการโลกทั้งใบ ประเทศอื่น ๆ สามารถตัดสินใจได้ว่าจะทำธุรกิจกับเราหรือไม่ โดยอยู่บนพื้นฐานของความสนใจและตำแหน่งของตนเอง หากบริษัท ตัดสินใจที่จะไม่ค้าขายกับเรา เราจะปะรูรั่วในเครื่องบินของเราด้วยแผ่นโลหะหรือกระดาษแข็ง เราจะบินต่อไปและทำการซ่อมแซมในเวลาเดียวกัน เพื่อให้เครื่องบินยังคงบินต่อได้ แล้วมันจะบินได้นานแค่ไหน? ผมจะรู้ได้อย่างไร? เราหวังที่จะทำให้มันบินไปถึงยอดเขาเอเวอเรสต์ นั่นคืออุดมการณ์ของเรา สหรัฐอเมริกาก็มีอุดมการณ์แบบนี้เหมือนกัน ความแตกต่างอาจเป็นเพราะพวกเขาปีนขึ้นจากทางใต้ด้วยกระเป๋าสะพายหลังที่เต็มไปด้วยเนื้อและกาแฟกระป๋อง ในขณะที่เราปีนขึ้นจากทางเหนือด้วยอาหารปันส่วนแบบทหาร หากไม่มีน้ำขวด เราก็ต้องละลายหิมะเพื่อให้ได้น้ำมาดื่ม

ทำไมสหรัฐฯ ถึงต้องไปสุดขั้วแบบนี้เมื่อรับมือกับหัวเว่ย? อะไรที่ทำให้พวกเขารู้สึกกลัวหรือ? สหรัฐฯ มีอิธิพลมาก ทำไมบริษัทขนาดเล็กเช่นนี้ของเราจึงควรได้รับความสนใจอย่างมากจากพวกเขา ผมรู้สึกปลื้มกับเรื่องนี้มาก เพราะเรามีคุณค่าและมีการพูดถึงบทบาทของเราอย่างเกินจริง สิ่งที่สหรัฐฯ ทำคือการประชาสัมพันธ์ให้เรา การประชาสัมพันธ์ที่ดีจริง ผมรู้สึกขอบคุณมากสำหรับสิ่งที่พวกเขาได้ทำ


คำถามข้อ 4: คุณพูดคุยเกี่ยวกับการขึ้นถึงยอดเขาเอเวอเรสต์ หมายความว่าอย่างไรครับ? สำหรับคุณ ยอดเขาเอเวอเรสต์มีลักษณะอย่างไร? อะไรคือเป้าหมายสูงสุดของบริษัทเมื่อคุณขึ้นถึงสำเร็จ

คุณเหริน: ผมคิดว่าเป้าหมายของหัวเว่ยคือการทำงานอย่างหนักเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงต่างๆ และให้บริการที่ทันสมัยเพื่อมนุษยชาติ สหรัฐฯ ต้องการบรรลุเป้าหมายนี้ด้วยเช่นกัน มีอะไรผิดปกติหรือไม่ที่เราที่มีเป้าหมายเดียวกันเช่นนี้และให้บริการต่างๆ แก่มนุษยชาติ?


คำถามข้อ 5: คุณคิดว่าปฏิบัติการล่าสุดของสหรัฐอเมริกาจะทำให้หัวเว่ย หรือ บริษัทจัดจำหน่ายของสหรัฐฯ ที่ส่งสินค้าให้คุณ เจ็บมากขึ้นหรือไม่?

คุณเหริน: เจ็บกันทั้งสองฝ่ายครับ


คำถามข้อ 6: ในด้าน 5G เนื่องด้วยเทคโนโลยี 5G ได้รับความสนใจกันอย่างมาก คุณสามารถนำเสนอคุณภาพเทคโนโลยี 5G ที่เหมือนกัน โดยไม่ใช้ชิ้นส่วนจากสหรัฐฯ ได้ไหมครับ ?

คุณเหริน: เราไม่มีปัญหากับ 5G เราสามารถรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยที่สุดของเราได้

ในด้านการให้บริการเครือข่ายหลักต่างๆ คุณได้พัฒนาชิปของคุณเองที่สามารถใช้แทนสินค้าของสหรัฐฯ หรือไม่ครับ?

คุณเหริน: มีพัฒนาครับ

เรามีกรอบเวลาว่าเมื่อไหร่ที่ชิปที่บริษัทพัฒนาขึ้นเองเหล่านั้นอาจสามารถนำไปใช้แทนสินค้าของสหรัฐฯบางรายการได้ใช่ไหมครับ?

คุณเหริน: อันที่จริงแล้ว เราได้ใช้ชิปที่พัฒนาเองมานานแล้ว เราเคยมีนโยบาย "1+1" - ครึ่งหนึ่งของชิปที่เราใช้มาจากของหัวเว่ย และอีกครึ่งหนึ่งมาจากบริษัทต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา วิธีนี้ช่วยป้องส่วนได้เสียของบริษัทจัดจำหน่ายของสหรัฐอเมริกาของเราได้เช่นกัน เรายังสามารถตรวจสอบได้ว่าผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของเราทำงานในสถานการณ์จริงด้วยวิธีนี้ หากสหรัฐอเมริกากำหนดข้อจำกัดมากขึ้นกับหัวเว่ย เราอาจต้องใช้ชิปที่พัฒนาเองของเรามากกว่าชิปจากสหรัฐอเมริกา หากรัฐบาลสหรัฐฯ อนุญาตให้บริษัทของประเทศตนเองขายชิปให้กับ หัวเว่ยต่อ เราก็จะซื้อชิปจำนวนมากจากสหรัฐฯ ต่อ บริษัทต่างๆ ของสหรัฐฯ และหัวเว่ยมีความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกัน เราจะไม่ทิ้งคู่ค้าต่างๆ ของเราแค่เพียงเพราะเราสามารถผลิตชิปเองได้ มิฉะนั้นแล้ว ก็จะไม่มีใครยินดีที่จะร่วมมือกับเราในระยะยาว

เป้าหมายของเราในการสร้างชิปของเราเองไม่ใช่เพื่อเป็นการใช้แทนชิปจากบริษัทอื่นแล้วสร้างระบบปิดตัว เป้าหมายของเราคือการเข้าใจเทคโนโลยีในอนาคตให้ดีขึ้น เราไม่มีเจตนาที่จะทดแทนชิปจากบริษัทต่างๆ ของสหรัฐอเมริกาอย่าง เราหวังที่จะรักษาความสัมพันธ์ระยะยาวและเป็นมิตรกับบริษัทต่างๆ ของสหรัฐฯ จุดมุ่งหมายไม่ใช่ว่าเราจะแทนที่ชิปจากสหรัฐอเมริกาในเมื่อเรามีของเราอยู่แล้ว เราใช้ชิปของเราเองมาโดยตลอด


คำถามข้อ 7: คุณกำลังคาดหวังที่จะเปลี่ยนห่วงโซ่อุปทานของคุณเพื่อทำให้แน่ใจว่าคุณจะมีชิ้นส่วนที่คุณต้องการใช่ไหมครับ? นั่นเป็นกระบวนการที่คุณกำลังมองอยู่ในตอนนี้ใช่ไหมครับ?

คุณเหริน: ไม่ใช่ครับ เราจะไม่เปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อุปทานที่มีอยู่และจะดำเนินการสั่งซื้อกับบริษัทต่างๆ ในสหรัฐอเมริกาต่อ หากพวกเขาไม่สามารถจัดหาสินค้าต่างๆ ให้กับเราได้อีกต่อไป สัดส่วนของผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาเองของเราก็จะเพิ่มขึ้น โดยขึ้นอยู่กับว่าเราจะหาวิธีในการแก้ปัญหาของเราเอง


คำถามข้อ 8: ในปัจจุบันนี้ หัวเว่ยเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี 5G ปฏิบัติการต่างๆ ของสหรัฐฯ จะเป็นประโยชน์ต่อคู่แข่งต่างๆ ของคุณ อาทิเช่น โนเกีย และอีริคสัน หรือไม่?

คุณเหริน: ใช่ครับ เป็นผลดีสำหรับบริษัทต่างๆ เหล่านี้ เมื่อพวกเขาสามารถทำเงินได้มากขึ้น พวกเขาก็จะสามารถรับใช้มนุษยชาติได้ดีขึ้น ทั้งโนเกียและอีริคสันเป็นบริษัทที่ยอดเยี่ยม หลายปีที่ผ่านมาเมื่อสหภาพยุโรปต้องการที่จะคว่ำบาตรหัวเว่ยสำหรับการทุ่มตลาด ประเทศสวีเดนและฟินแลนด์เป็นประเทศแรกที่คัดค้าน ผมจะบอกว่าเรื่องนี้เกิดจากอิทธิพลของโนเกียและอีริคสัน เราปฏิบัติดีต่อกัน และเราไม่เคยเห็นกันและกันเป็นปฏิปักษ์ เป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือหากพวกเขาสามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดได้มากขึ้นและรับผิดชอบต่อการรับใช้มนุษยชาติแทนเรา?


คำถามข้อ 9: คุณพูดเกี่ยวกับการเป็นผู้นำ 5G เหนือคู่แข่งมาเป็นเวลาสองปี เรื่องนั้นทำให้เกิดการกกกัดกร่อนหรือไม่?

คุณเหริน: แน่นอนครับ หากเราบินช้าลงเพราะปีกเครื่องบินของเราเต็มไปด้วยรูกระสุน เพื่อนของเราก็จะสามารถตามทันได้ เพราะพวกเขาสามารถบินได้เร็วขึ้น แต่เรากำลังซ่อมรูต่างๆ เหล่านี้อยู่ และเมื่องานนี้ทำเสร็จแล้ว เราก็จะบินได้เร็วมากขึ้น


คำถามข้อ 10: คุณคาดว่ามีความเสียหายมากน้อยเพียงใดที่รู้สึกได้ในส่วนผู้บริโภคของธุรกิจของคุณ – สมาร์ทโฟนและแล็ปท็อปซึ่งต้องอาศัยชิปของสหรัฐฯ และซอฟต์แวร์ของสหรัฐอเมริกา ?

คุณเหริน: หัวเว่ยย่อมได้รับผลกระทบนี้อย่างแน่นอน สายผลิตภัณฑ์หรือแผนกที่เกี่ยวข้องจะทำการประเมินขนาดของผลกระทบอย่างละเอียด โดยจะหาทางเลือกหรือการเยียวยาต่างๆ แล้วค่อยบอก เราจะติดตามความคืบหน้าอย่างเหมาะสม อัตราการเติบโตของเราอาจไม่สูงเท่าที่คาดการณ์ไว้ แต่เราจะยังคงเห็นการเติบโต ข้อเท็จจริงที่ว่าเราสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายที่สุดแสดงให้เห็นว่าเราเป็นบริษัทที่ยอดเยี่ยม แน่นอนว่าผมไม่เคยพูดโอ้อวดตัวเองเลยมาตลอดทั้งชีวิต ผมแค่อยากชื่นชมตัวเองในครั้งนี้ เพราะเรากำลังเผชิญหน้ากับความยากลำบากที่ใหญ่ที่สุดจนถึงตอนนี้


คำถามข้อ 11: และคุณก็มีสิทธิ์ที่จะโอ้อวด เพราะเมื่อต้นปีนี้เอง คุณสามารถแซงหน้าบริษัท แอปเปิ้ล โดยเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับ 2 เนื่องจากยอดขายสมาร์ทโฟนของคุณในไตรมาสแรกพุ่งขึ้นถึง 50% และเพราะคุณมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับ 1 ของโลก ในตอนนี้ต้องละเลิกเป้าหมายนั้นไปไหมครับ?

คุณเหริน: บริษัทแอปเปิ้ลเป็นบริษัทขนาดใหญ่มาก สองปีที่แล้ว เรามีขนาดใหญ่กว่าพวกเขา - เหมือนลูกพีช ในอีกสองปีข้างหน้า เราอาจจะมีขนาดเล็กกว่าพวกเขาเหมือนลูกพลัมก็ได้ แต่ลูกพลัมก็ยังคงเหมาะสำหรับการบริโภค แม้ว่ามันอาจจะมีรสขมก็ตาม

ดังนั้น คุณจะยังต้องการเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับ 1 ใช่ไหมครับ?

คุณเหริน: ไม่ครับ เราสามารถปรับขนาดใหญ่ขึ้นหรือเล็กลงก็ได้ หัวเว่ยไม่ใช่บริษัทมหาชน ดังนั้น เราจึงไม่ได้มุ่งที่จะสร้างผลกำไรจำนวนมากหรือสูง การอยู่รอดเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เราหวังได้


คำถามข้อ 12: ผมต้องการถามเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการของคุณ เราได้รับแจ้งว่าคุณต้องการพัฒนาระบบปฏิบัติการของคุณเอง คุณช่วยบอกเราหน่อยได้ไหมครับว่าจะมีลักษณะอย่างไรและเมื่อไหร่ที่เราคาดว่าจะได้เห็น?

คุณเหริน: เมื่อพูดถึงระบบปฏิบัติการ ความยากไม่ใช่เทคโนโลยี การสร้างระบบนิเวศเป็นสิ่งที่ยากที่สุด บริษัทแอปเปิ้ลและกูเกิ้ลได้สร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งมาก หัวเว่ยสนับสนุนระบบนิเวศของแอปเปิ้ล, กูเกิ้ลและไมโครซอฟท์อยู่เสมอ เราเป็นผู้ติดตามผู้นำอย่างพวกเขา จะมีระบบปฏิบัติการใหม่สำหรับอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet of Things) และอื่นๆ ที่คล้ายกัน เราสามารถพัฒนาระบบปฏิบัติการแบบง่าย ๆ ได้ไหม? ผมไม่สามารถพูดได้อย่างแน่นอนว่าเราจะทำได้ดีในเรื่องนี้ แต่เราจะพยายาม เช่นเดียวกับที่เราผลิตชิ้นส่วน ชิปและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ - เราพยายามอย่างเต็มที่

ดังนั้น ความท้าทายสำคัญคือการสร้างระบบนิเวศ เพราะแอปเปิ้ลและกูเกิ้ลใช้เวลาหลายปีในการสร้างระบบนิเวศของพวกเขาเอง นั่นจะเป็นความท้าทายสำคัญสำหรับระบบปฏิบัติการใช่ไหมครับ?

คุณเหริน: ใช่ครับ คุณเข้าใจถูกต้องแล้ว


คำถามข้อ 13: มีการเรียกร้องจากบางคนในประเทศจีนให้รัฐบาลจีนทำการตอบโต้แอปเปิ้ล นั่นเป็นทางเลือกที่จีนควรพิจารณาที่จะทำไหมครับ?

คุณเหริน: ไม่อย่างแน่นอนครับ! ถ้าหากใช่ ผมจะเป็นคนแรกที่ต่อต้านการกระทำเช่นนี้เอง ทำไมเราจะต้องต่อต้านแอปเปิ้ลด้วยล่ะ? แอปเปิ้ลเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก หากไม่มีแอปเปิ้ล ก็จะไม่มีอินเตอร์เน็ตบนมือถือ และโลกก็จะไม่ได้มีชีวิตชีวาเท่าทุกวันนี้ แอปเปิ้ลเปรียบเสมือนครูของเรา นำทางให้เราเดินไปข้างหน้า และนักเรียนจะต้องไม่กระทำการต่อต้านครูของเขา ถ้าหากว่ารัฐบาลจีนทำเช่นนั้น คุณสามารถมาสัมภาษณ์ผมได้เลยและผมจะเป็นคนแรกที่เป็นส่งเสียงต่อต้านการกีดกันแอปเปิ้ลเอง

บางคนบอกว่าเพราะสหรัฐฯ กีดกันหัวเว่ย จีนก็อาจกีดกันแอปเปิ้ลด้วยเช่นกัน ผมมักจะต่อต้านกับความคิดเช่นนี้ แอปเปิ้ลเป็นบริษัทที่ยอดเยี่ยมที่ให้บริการแก่มนุษยชาติ ทำไมเราไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์แอปเปิ้ลล่ะครับ แน่นอนครับ คนในครอบครัวของผมบางคนใช้ทั้งไอโฟนและโทรศัพท์หัวเว่ยด้วย

ชาตินิยมและประชานิยมเช่นนั้นทำให้คุณกังวลไหมครับ?

คุณเหริน: ไม่เลยครับ เราไม่เห็นด้วยกับประชานิยมและไม่ได้เน้นเรื่องชาตินิยม ในเศรษฐกิจโลก เราต้องทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุความสำเร็จร่วมกัน เราอาศัยอยู่ในโลกใบใหญ่ และเป็นไปไม่ได้ที่บริษัทแห่งเดียวจะให้การสนับสนุนโลกเพียงลำพังได้ ขอย้ำว่าราไม่เห็นด้วยกับประชานิยมและไม่ได้เน้นเรื่องชาตินิยม ถึงแม้ว่าเราจะสามารถก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลกได้ก็ตาม แต่เราจะร่วมมือกับบริษัทอื่นๆ ในการรับใช้มนุษยชาติไม่ใช่เพียงแค่ด้วยตัวเราเองเท่านั้น


คำถามข้อ 14: ประธานาธิบดีทรัมป์เสนอแนะหลายครั้งว่าหัวเว่ยสามารถเป็นปัจจัยในการทำข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน คุณคิดว่าเป็นไปได้อย่างไรจากมุมมองของคุณ?

คุณเหริน: สหรัฐฯ ได้ทำการฟ้องร้องเราและเราก็ได้ยื่นฟ้องแย้ง ขณะนี้คดีต่างๆ อยู่ในระหว่างการดำเนินคดี เราต้องเจรจาอะไรบ้าง? เราจะให้คดีต่างๆ ขึ้นถึงศาล เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ สหรัฐฯ ไม่ได้ซื้ออะไรส่วนใหญ่จากหัวเว่ย และถึงแม้ว่าพวกเขาจะต้องการซื้อในอนาคตก็ตาม เราก็ไม่จำเป็นต้องขายให้กับพวกเขา เรารอการพิจารณาคดีของศาลจะดีกว่า ผมเชื่อมั่นในระบบยุติธรรมของสหรัฐฯที่เปิดกว้างและมีความโปร่งใส

ผมแค่ต้องยกขึ้นมาพูดเท่านั้น เพราะเป็นสิ่งที่ประธานาธิบดีบอกว่าหัวเว่ยสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาการค้าเหล่านี้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ผมต้องหยิบยกขึ้นมาพูด

คุณเหริน: ถ้าหากว่าเขาโทรหาผม ผมอาจไม่รับสาย แน่นอนครับว่าเขาน่าจะไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของผม


คำถามข้อ 15: คุณทรัมป์บอกว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะของข้อตกลงแลกประโยชน์ คุณเป็นนักเจรจาเช่นกัน คุณคิดว่าคุณจะสามารถทำข้อตกลงกับคุณทรัมป์ได้ไหมครับ หากเป็นไปได้?

คุณเหริน: เราจะสามารถเจรจากับคุณทรัมป์ได้อย่างไรหลังจากที่สหรัฐฯฟ้องหัวเว่ย สหรัฐฯเป็นประเทศที่ปกครองด้วยกฎหมาย เราควรฝากคดีไว้กับศาล


คำถามข้อ 16: คุณเคยพูดไว้ว่าคุณคิดว่าประธานาธิบดีทรัมป์เป็นประธานาธิบดีที่ยิ่งใหญ่ คุณยังคิดว่าเขาเป็นประธานาธิบดีที่ยิ่งใหญ่อยู่ไหมครับ?

คุณเหริน: คุณทรัมป์เป็นประธานาธิบดีที่ยิ่งใหญ่ เขาบอกคนทั้งโลกว่าหัวเว่ยเป็นบริษัทที่ยอดเยี่ยมและไม่ขายชิ้นส่วนให้เรา ส่งผลให้เราได้สัญญาต่างๆ มากขึ้นและแทบจะผลิตไม่ทันตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น คุณทรัมป์เป็นประธานาธิบดีที่ยิ่งใหญ่ เพราะเขาบอกกับโลกว่าหัวเว่ยยิ่งใหญ่เพียงใด


คำถามข้อ 17: หลายคนเห็นความคล้ายกันระหว่าง ZTE กับหัวเว่ย ซึ่งเมื่อปีที่แล้ว ZTE ยอมรับข้อตกลงกับสหรัฐอเมริกาที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนบอร์ดและจ่ายค่าปรับก้อนใหญ่ โดยเกี่ยวข้องกับความผิดพลาดเพราะละเลยที่ค่อนข้างสำคัญอีกด้วย มีเงื่อนไขใด ๆ ที่เป็นไปได้สำหรับหัวเว่ยหากนั่นจะหมายถึงการปลดแอกจากข้อจำกัดเหล่านี้?

คุณเหริน: ผมไม่รู้เกี่ยวกับ ZTE เลยครับ แล้วก็ไม่เคยเข้าร่วมกับพวกเขามาก่อน สหรัฐฯ ฟ้องเราที่ศาลแขวงเขตตะวันออกของนิวยอร์กซึ่งเราจะแก้ต่างด้วยตัวเราเอง เราจะพบพวกเขาในศาล


คำถามข้อ 18: ลูกสาวของคุณถูกกักตัวอยู่ในประเทศแคนาดาและเผชิญกับเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดนจากประเทศแคนาดาไปยังสหรัฐฯ และเธอกำลังเผชิญกับข้อหาฉ้อโกงและการคว่ำบาตรต่ออิหร่านของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาจากฝ่ายสหรัฐฯ ประธานทรัมป์แนะนำว่าเขาสามารถเข้าแทรกแซงช่วยลูกสาวของคุณได้ เข้าใจว่าคุณน่าจะยินดีรับการแทรกแซงแบบนั้นใช่ไหมครับ?

คุณเหริน: ประเทศแคนาดาเป็นประเทศที่ปกครองด้วยกฎหมาย เราจะชี้แจงในศาลว่ารัฐบาลแคนาดาดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่ถูกต้องอย่างไร ลูกสาวของผมไม่ได้กระทำกิจกรรมการฉ้อโกงใด ๆ เลย เราได้ทำให้เรื่องนี้กระจ่างชัดเจนในศาล ทั้งฝ่ายสหรัฐอเมริกาและหัวเว่ยควรให้หลักฐานในศาลในอนาคตและเรามีหลักฐานของเรา ลูกสาวของผมได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งอาจเป็นแรงจูงใจทางการเมือง เนื่องจากตัวคุณทรัมป์เองก็เป็นนักการเมือง เขาจะสามารถเข้าแทรกแซงได้อย่างไร คงแค่ต้องการให้ทางจีนเสนอผลประโยชน์บางอย่างให้กับสหรัฐฯ เราไม่ได้ก่ออาชญากรรมใด ๆ เลย ดังนั้น ทำไมเราจึงต้องขอให้ประเทศของเราเสนอผลประโยชน์ให้สหรัฐอเมริกาล่ะครับ?

คุณได้มีพูดคุยกับลูกสาวเมื่อไม่นานมานี้ไหมครับ?

คุณเหริน: มีครับ

เธอเป็นอย่างไรบ้าง?

คุณเหริน: เธอกำลังวิเคราะห์พิจารณาอยู่ระหว่างถูกกักบริเวณในบ้าน


คำถามข้อ 19: คุณคิดว่าการดำเนินคดีทางกฎหมายกับประเทศแคนาดาและสหรัฐอเมริกาช่วยมูลฟ้องของคุณไหม หรือ มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความตึงเครียดมากขึ้นหรือไม่?

คุณเหริน: สหรัฐอเมริกาและแคนาดาลงมือกับเราก่อน เราจึงฟ้องแย้ง แล้วทำไมเราถึงต้องถูกมองว่าเป็นผู้ที่ทำให้ระเบียบสังคมแตกแยกล่ะครับในเมื่อเราเพียงแค่ตอบรับการเรียกร้องของสหรัฐฯ? ทำไมสหรัฐฯ ถึงต้องฟ้องร้องเราแม้ว่าพวกเขาทราบอยู่แล้วว่ามันจะทำให้ระเบียบสังคมแตกแยก? ทำไมเราถึงไม่ควรยื่นเรื่องฟ้องแย้งหลังจากที่พวกเขาฟ้องเราด้วยล่ะครับ? สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ยุติธรรม เปิดกว้างและโปร่งใส มีสิทธิ์ที่จะฟ้องเราและเราก็มีสิทธิ์ที่จะปกป้องตัวเราเอง


คำถามข้อ 20: คุณคิดว่าเมื่อพูดถึงจีน กลยุทธ์ระยะยาวของอเมริกาคืออะไร คุณคิดว่าจะเกี่ยวกับการพยายามที่จะยับยั้งความเจริญรุ่งเรืองของจีนอย่างที่บางคนให้เหตุผลหรือไม่ครับ?

คุณเหริน: ผมไม่ใช่นักการเมืองและผมไม่ทราบเกี่ยวกับการเมืองเลย คุณต้องถามคำถามต่างๆ เหล่านี้กับประธานทรัมป์ เพราะว่าเขาเป็นนักการเมืองนะครับ

คุณมีประสบการณ์มากมายและได้สร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์ คุณเดินทางไปหลายประเทศและคุณมีความเชี่ยวชาญในสิ่งที่เกิดขึ้นระดับสากล มีบางคนบอกว่านี่คือจุดที่เรากำลังเผชิญกับสงครามเย็นครั้งใหม่อยู่จริงๆ นั่นเป็นความเสี่ยงหรือไม่ครับ?

คุณเหริน: ผมไม่คิดว่าผมเป็นคนที่มีความสามารถมาก ความสามารถของผมจำกัดอยู่เฉพาะการบริหารจัดการบริษัทนี้เท่านั้น ผมไม่สนใจสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับหัวเว่ย และผมจะไม่แสดงความคิดเห็นกับเรื่องเหล่านั้น รวมถึงสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับจีน ซึ่งเป็นเพราะว่าผมไม่ทราบเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติของบริษัทจีนอื่น ๆ เลยครับ

การที่ผมเดินทางไปประเทศต่างๆ ก็เพื่อพักผ่อนเท่านั้น ผมสามารถคุยได้นานเลยนะครับถ้าหากว่าคุณถามผมว่าสถานที่ใดมีกาแฟรสชาติดีหรือสถานที่ใดมีทิวทัศน์ที่สวยงาม แต่ผมไม่ใช่คนที่เหมาะที่จะคุยถึงเรื่องการเมือง


คำถามข้อ 21: ได้ครับ ถ้าอย่างนั้น ผมขอถามคุณเกี่ยวกับเรื่องเทคโนโลยี เนื่องจากมีคนบอกว่าหากเรายังคงเดินไปตามเส้นทางที่เรากำลังจะไป โดยพื้นฐานแล้วเราจะมีสถานะที่เรามีระบบนิเวศเทคโนโลยีสองระบบ: หนึ่งระบบที่ขับเคลื่อนโดยจีน อีกหนึ่งระบบที่ขับเคลื่อนโดยสหรัฐอเมริกา นั่นเป็นความเสี่ยงหรือไม่ครับ?

คุณเหริน: โลกของเรามักจะเดินอยู่บนถนนที่ขรุขระอยู่เสมอ ในยุคอุตสาหกรรม เรามีมาตรฐานที่แตกต่างกันสำหรับทางรถไฟ: รางรถไฟแคบ รางรถไฟมาตรฐานและรางรถไฟกว้าง ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ เมื่อก่อนทุกอย่างจะเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ ดังนั้น มาตรฐานทางรถไฟที่แตกต่างกันจึงไม่ได้สร้างปัญหาอะไรมากมาย เมื่อพูดถึงมาตรฐานการสื่อสาร เรามีหลายมาตรฐานก่อนที่ 5G จะปรากฎขึ้น มาตรฐานที่แตกต่างกันทำให้ผู้ใช้มีต้นทุนที่สูงขึ้นและทำให้ยากต่อการเข้าถึงบริการการสื่อสารต่างๆ

ตั้งแต่ 5G ปรากฏขึ้น ต้นทุนแบนด์วิดท์ลดลงอย่างมาก ในด้านความจุของเครือข่าย 5G มีขนาดใหญ่กว่า 4G ถึง 20 เท่าและใหญ่กว่า 2G ถึง 10,000 เท่า แต่ขนาดของอุปกรณ์ 5G นั้นเล็กกว่ามาก รวมทั้งอุปกรณ์นี้ยังใช้พลังงานแค่เพียงหนึ่งในสิบที่อุปกรณ์ 4G ใช้

ในยุคสมัยใหม่นี้ แม้แต่ผู้ที่ไม่มีเงินมากนักก็สามารถใช้บริการบรอดแบนด์ได้ ทำให้มีโอกาสได้รับการศึกษาทางวัฒนธรรมมากขึ้น ในสังคมสารสนเทศ เด็ก ๆ แม้แต่ในพื้นที่ห่างไกลก็สามารถมองเห็นโลกกว้างได้ พวกเขาจะพัฒนาเร็วขึ้น ปลูกพืชได้มากขึ้นและสร้างความมั่งคั่งได้มากขึ้น คนจำนวนมากจะพ้นจากความยากจน สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดจะเป็นประโยชน์ต่อสังคม

ผมไม่แน่ใจว่าจะมีมาตรฐานทางเทคนิคของสองระบบหรือไม่ ถ้าใช่ เมื่อทั้งสองฝ่ายพบกันที่ยอดเขาโดยฝ่ายหนึ่งปีนขึ้นจากทางทิศเหนือและอีกฝ่ายหนึ่งปีนขึ้นจากทางทิศใต้ เราจะไม่ต่อสู้กัน แต่เราจะโอบกอดกันเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จของเราในการผลักดันให้เกิดระบบดิจิทัลสำหรับงมนุษยชาติ เราจะดื่มอวยพรให้กันและกัน เนื่องจากมีเพียงหิมะที่อยู่บนยอดเขาเท่านั้น เราจะใช้หิมะละลายแทนแชมเปญเพื่อดื่มอวยพร ท้ายที่สุด เราก็ได้ร่วมกันรับใช้มนุษยชาติ ไม่สำคัญจริงๆ ว่าจะมีหนึ่งมาตรฐาน สองมาตรฐานหรือมาตรฐานมากกว่านั้นก็ตาม สิ่งที่สำคัญจริงๆ ก็คือการลดต้นทุนบริการ


คำถามข้อ 22: ขณะที่คุณนั่งอยู่ตรงนี้ในวันนี้ คุณประเมินว่าสงครามการค้านี้จะดำเนินต่อไปอีกนานแค่ไหนครับ? เราเคยได้ยินอดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสชาวจีนกล่าวว่าจะดำเนินต่อไปจนถึงปี พ.ศ. 2578 เราได้ยินคุณแจ็ค หม่า บอกว่าจะดำเนินต่อไปอีกสองทศวรรษ

คุณเหริน: ผมไม่ทราบว่าจะคาดการณ์เรื่องนี้อย่างไรดี ผมแค่รับผิดชอบในการบริหารจัดการบริษัทของเราเท่านั้น ธุรกิจของเราสามารถเพิ่มหรือลดขนาดได้ เมื่อถูกโจมตี ธุรกิจของเราสามารถลดขนาดลงเท่าขนาดของลูกปิงปองได้ จากนั้นก็สามารถปรับขนาดให้ใหญ่ขึ้นเท่าลูกวอลเล่ย์บอลและลูกบาสเก็ตบอลได้ เราสามารถปรับขนาดธุรกิจของเราได้ตลอดเวลา


คำถามข้อ 23: นักวิจารณ์เกี่ยวกับหัวเว่ยบอกว่าคุณมาถึงจุดที่คุณอยู่ด้วยการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาและการสนับสนุนจากรัฐบาล คุณจะตอบว่าอย่างไรดีครับ?

คุณเหริน: เราได้พัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ที่สหรัฐอเมริกายังไม่ได้พัฒนา เราจะขโมยเทคโนโลยีต่างๆ ที่ไม่มีอยู่ได้อย่างไรครับ เราจะต้องรอจนสหรัฐฯประดิษฐ์มันขึ้นมาก่อน ไม่ว่าเราจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลหรือไม่ก็ตาม เราถูกตรวจสอบโดย KPMG และ KPMG สามารถให้รายงานการตรวจสอบกับคุณได้ การด่วนสรุปสามารถส่งผลให้เกิดการตัดสินผิดได้ หากเราตามหลังเทคโนโลยีของสหรัฐฯ นักการเมืองของสหรัฐฯ จะเพิ่มความพยายามที่จะโจมตีเราหรือไม่ครับ? เราถูกโจมตีเพราะเราล้ำหน้าพวกเขา


คำถามข้อ 24: ในอดีต คุณต้องเผชิญกับความท้าทายทางกฎหมายจากซิสโก้ จากโมโตโรล่า และจากที-โมบาย ที่พูดเกี่ยวกับวัฒนธรรมของบริษัทคืออะไร และคุณได้ดำเนินการขั้นตอนใดบ้างเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ เหล่านั้นที่เกิดขึ้นโดยเป็นผลมาจากคดีความทางกฎหมายเหล่านั้น

คุณเหริน: อย่างแรกคือมีการไต่สวนคดีต่างๆ เหล่านี้ทั้งหมดในศาลในสหรัฐอเมริกา เราต้องเคารพการตัดสินของศาลต่างๆ เรากำหนดให้พนักงานทุกคนของเราไม่ให้ละเมิดข้อบังคับหรือกฎหมายใด ๆ เรามีเทคโนโลยีมากมาย ถ้ามีคนถามว่าเราได้ทำอะไรเพื่อมนุษยชาติบ้าง ผมจะบอกว่าเรามีสิทธิบัตรมากกว่า 90,000 รายการ โดยมีสิทธิบัตรหลายรายการเพื่อสังคมสารสนเทศ ซึ่งที่เราเพิ่งได้รับเมื่อเร็วๆ นี้ เรามีส่วนร่วมอย่างมากในการวางรากฐานสารสนเทศให้กับสังคมระบบดิจิทัล ในบรรดาสิทธิบัตรต่างๆ ของเรานั้น มีสิทธิบัตรมากกว่า 11,500 รายการที่ยื่นเรื่องในสหรัฐอเมริกา และรัฐบาลสหรัฐฯได้อนุมัติสิทธิบัตรต่างๆ เหล่านี้ พวกเขาควรจะเข้าใจถึงการสนับสนุนมนุษยชาติของหัวเว่ย และข้อพิพาทต่างๆ ระหว่างเราอาจจะค่อย ๆ คลี่คลายลงไปได้


คำถามข้อ25: คุณบริหารจัดการอย่างไรครับจากตามหลังคู่แข่งของคุณ อาทิเช่น อีริคสัน, โนเกีย มาเป็นผู้นำ 5G ได้? มีการดำเนินการขั้นตอนอะไรบ้าง? คุณบริหารจัดการอย่างไรให้สามารถก้าวกระโดดได้?

คุณเหริน: ประการแรก เราทำงานขณะที่คนอื่นกำลังดื่มกาแฟพักผ่อนหย่อนใจ โดยทั่วไปแล้ว เราทำงานหนักกว่าคนอื่นมากๆ ประการที่สอง เราแต่ละคนไม่ได้ร่ำรวยขนาดนั้น เราแจกจ่ายผลกำไรให้กับพนักงาน และสิ่งนี้เองได้ช่วยดึงดูดนักวิทยาศาสตร์และผู้มีความสามารถพิเศษให้เข้ามาร่วมงานกับเรา ผมไม่ได้ร่ำรวยมากมายนัก ถึงแม้ว่าผมจะคิดว่าผมค่อนข้างรวยนะ อันที่จริงแล้ว ผมเคยจนในมาก่อน แต่ผมถูกบังคับให้ต้องร่ำรวยในช่วงเวลา 20 ปีที่ผ่านมา อย่างที่สุภาษิตจีนบอกไว้ว่าคนจะอยู่รอบตัวคุณเมื่อคุณแบ่งเงินให้กับพวกเขา เมื่อเราแบ่งเงินของเรา นักวิทยาศาสตร์ต่างๆ ทั่วโลกจึงมาร่วมมือกับเราหรือทำงานกับเรา นั่นล่ะครับที่สามารถอธิบายได้ถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของเรา บางทีนักวิทยาศาสตร์มาร่วมมือกับเรา เพราะว่าในสหรัฐอเมริกา เงินส่วนใหญ่ไหลไปที่วอลล์สตรีท ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์


คำถามข้อ 26: หากในช่วงเวลาที่มีวิกฤติเกิดขึ้น รัฐบาลมาหาคุณแล้วบอกว่า "เราต้องการให้คุณช่วยเหลือ เราต้องการทักษะทางไซเบอร์ของคุณ และเราจำเป็นต้องเข้าถึงเครือข่ายของคุณ เพราะเป็นผลดีต่อประเทศ ต่อรัฐบาล เป็นผลดีสำหรับคนจีน" คุณจะตอบว่าอย่างไรครับ?

คุณเหริน: เราจะไม่ติดตั้งโปรแกรมแบคดอร์อย่างแน่นอน เราจะไม่ทำเรื่องแบบนี้ เราให้บริการแก่มนุษยชาติ ไม่ใช่หน่วยข่าวกรอง ทำไมเราจะต้องโปรแกรมแบคดอร์

คุณเป็นสมาชิกของพรรคคอมมิวนิสต์ คุณได้ปฏิญาณตนต่อพรรคคอมมิวนิสต์ หากผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์มาหาคุณในช่วงที่มีความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับจีน คุณจะปฏิเสธคำสาบานนั้นหรือไม่? คุณจะละเมิดคำสาบานนั้นแล้วยืนเคียงข้างบริษัทหรือไม่ คุณจะตัดสินใจแบบนั้นอย่างไร?

คุณเหริน: ตามคำสาบานของพรรคคอมมิวนิสต์จีน พรรคฯ จะจงรักภักดีต่อประชาชน คำสาบานไม่ครอบคลุมถึงเรื่องต่อต้านสหรัฐอเมริกา

ช่วยอธิบายให้เราเข้าใจด้วยครับว่าจะขั้นตอนปฏิบัติในการปฏิเสธคำขอเช่นนั้นในประเทศจีนอย่างไร?

คุณเหริน: รัฐบาลจีนไม่เคยร้องขออะไรแบบนั้นเลยครับ จากบทความที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์เยอรมัน ไม่เคยพบว่ามีโปรแกรมแบคดอร์ในระบบของหัวเว่ยเลยนะครับ สหราชอาณาจักรกล่าวว่าหัวเว่ยมีระบบการควบคุมดูแลที่แข็งแกร่งและเข้มงวดที่สุดในโลก นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาเชื่อใจเราและใช้อุปกรณ์ของเราต่อเนื่อง หัวเว่ยมีประวัติที่พิสูจน์ได้ในเรื่องความมั่นคงปลอดภัยและเราจะไม่รับคำขอใด ๆ ในการฝังโปรแกรมแบคดอร์หรือเก็บรวบรวมข้อมูลลับของทุกคนในอนาคต


คำถามข้อ 27: คุณได้กล่าวถึงสหราชอาณาจักร พวกเขาตีพิมพ์รายงานผ่านศูนย์ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ของคุณที่นั่นเมื่อปีที่แล้ว บอกว่าพวกเขากังวลอย่างมากว่าหัวเว่ยไม่ได้จัดการกับปัญหาบางอย่างที่พวกเขาเอ่ยกับหัวเว่ย ว่าปัญหาต่างๆ เหล่านั้นก่อความเสี่ยงต่อบริษัทโทรคมนาคมต่างๆ ของสหราชอาณาจักรหรือไม่ ?

คุณเหริน: รายงานฉบับนี้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับหัวเว่ยในแนวทางที่มีเจตนาดี อันที่จริงแล้ว หัวเว่ยไม่ใช่ไม่มีข้อบกพร่องนะครับ หากมีปัญหาต่างๆ ที่ต้องแก้ไข เราจะทำการปรับปรุงให้ดีขึ้น

คุณสามารถสอบถามบริษัทในสหรัฐอเมริกาบางแห่งได้ด้วยนะครับว่าพวกเขาจะปฏิบัติตามคำขอให้ติดตั้งโปรแกรมแบคดอร์หรือไม่ แล้วมาดูกันว่าพวกเขาจะตอบว่าอย่างไร


คำถามข้อ 28: คุณจะอธิบายลักษณะความสัมพันธ์ของคุณกับรัฐบาลจีนอย่างไร?

คุณเหริน: ผมจ่ายภาษีให้กับรัฐบาลจีนและปฏิบัติตามกฎหมายจีนครับ

คุณได้พูดคุยกับรัฐบาลบ้างไหมครับตั้งแต่ถูกขึ้นบัญชีดำ?

คุณเหริน: ผมไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นครับ ในเรื่องปัญหาต่างๆ ของเรากับรัฐบาลสหรัฐฯ เราจะให้ศาลเป็นผู้ตัดสินทุกอย่าง ทำไมผมจะต้องคุยกับรัฐบาลจีนด้วยครับ?

มีรายงานว่าพวกเขาอาจกำลังพิจารณาที่จะเสนอความช่วยเหลือทางการเงินให้แก่บริษัทของคุณ คุณจะพิจารณาเรื่องนั้นใช่ไหมครับ?

คุณเหริน: ไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นเลยครับ คุณจะเห็นได้ว่าในงบการเงินของเรา ถ้าหากธนาคารเวสเทิร์นลดการปล่อยสินเชื่อให้กับหัวเว่ย เราอาจขอสินเชื่อเพิ่มกับธนาคารจีน ในอดีต เราเคยกู้เงินก้อนใหญ่จากธนาคารเวสเทิร์นเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า แต่ถ้าหากธนาคารเวสเทิร์นปฏิเสธที่จะให้สินเชื่อกับหัวเว่ย เราจะขอกู้เงินจากธนาคารจีนแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะสูงกว่าก็ตาม นี่เป็นแค่เรื่องธุรกิจเท่านั้น ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลเลยครับ

รัฐบาลจีนหรือหน่วยงานใด ๆ ของรัฐบาลจีนมีส่วนได้เสียหรือเป็นเจ้าของหัวเว่ยส่วนหนึ่งไหมครับ?

คุณเหริน: ไม่เลยครับ ไม่มีอย่างแน่นอน


คำถามข้อ 29: ส่วนใหญ่อาจจะทั้งหมดนี้ เป็นข้อสงสัยเกี่ยวกับความไว้วางใจและความไม่ไว้วางใจหัวเว่ยและจีนจากฝั่งอเมริกา คุณคิดว่ามีขั้นตอนเพิ่มเติมนอกเหนือจากขั้นตอนต่างๆ ที่คุณได้ทำไปแล้วซึ่งคุณสามารถทำให้ความไว้วางใจนั้นดีขึ้นหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นการปรับโครงสร้างบริษัทหรือจดทะเบียนบริษัท? มีอะไรที่คุณสามารถทำได้เพื่อสร้างความไว้วางใจนั้นหรือไม่ครับ?

คุณเหริน: เราได้ทำงานร่วมกับลูกค้าต่างๆ ของเราเป็นเวลา 30 ปีและเราให้บริการคนสามพันล้านคน ความไว้วางใจที่ลูกค้าและผู้ใช้ของเรามีต่อเราจะไม่หายไปง่ายๆ เพียงเพราะบางสิ่งบางอย่างที่มีคนพูดกับพวกเขา

หัวเว่ยจะไม่ออกสู่สาธารณะเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากคนบางคน เราบริสุทธิ์ เราจึงไม่ได้กังวลเกี่ยวกับสิ่งที่คนอื่นพูดถึงเรา


คำถามข้อ 30: คุณชนะข้อโต้แย้งในยุโรปหรือไม่ครับ?

คุณเหริน: เราไม่มีข้อได้เปรียบอย่างแน่นอนครับ สหรัฐอเมริกาค่อนข้างที่มีอิทธิพลมากต่อความคิดเห็นสาธารณะทั่วโลก เสียงของหัวเว่ยเบาเกินไป เหมือนเสียงลมที่พัดต้นหญ้าซึ่งถูกกลบด้วยเสียงคลื่นทะเล อย่างไรก็ตาม เราต้องพูดอะไรบ้าง และทำให้คนได้ยินเสียงของเรา ในอดีต เราเคยเชื่อว่าความเงียบไม่ได้หมายความว่าขี้ขลาดและความอดทนก็ไม่ได้หมายความว่าไม่แยแส และเราก็คอยแต่ถอยให้ แต่พวกเขาแค่ไม่ต้องการให้เราได้หยุดพักบ้าง ดังนั้น เราจึงต้องการพูดอะไรบ้าง อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุดแล้ว ก็จะมีคนจำนวนไม่มากนักที่จะได้ยินถึงสิ่งที่เราพูด เพราะสหรัฐฯ มีอิทธิพลต่อความคิดเห็นสาธารณะมาก


คำถามข้อ 31: ความสำเร็จทางธุรกิจของคุณย่อมหมายถึงความไว้วางใจที่คุณได้สร้างขึ้นอย่างชัดเจนกับลูกค้าจำนวนมาก แต่ข้อสงสัยเกี่ยวกับความไว้วางใจใช้กับรัฐบาล และผมสงสัยว่าในฐานะที่คุณเป็นซีอีโอและผู้ก่อตั้ง มีอะไรที่คุณรู้สึกว่าคุณสามารถทำได้เพื่อทำให้ความไว้วางใจนั้นดีขึ้นหรือเพื่อสร้างความไว้วางใจนั้นขึ้นมา?

คุณเหริน: ในความเป็นจริงแล้ว รัฐบาลส่วนใหญ่เชื่อใจหัวเว่ยมาก เมื่อมีภัยพิบัติขึ้นเกิดขึ้นที่ใดก็ตามในโลก หัวเว่ยมักเป็นหนึ่งในบริษัทกลุ่มแรกที่ยืนหยัดและตอบโต้ภัยพิบัติ เมื่อมีแผ่นดินไหวร้ายแรงเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นและก่อให้เกิดภัยพิบัตินิวเคลียร์อย่างรุนแรงเมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554 บริษัทอื่น ๆ ทั้งหมดต่างๆ อพยพออกในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้ แต่พนักงานของหัวเว่ยยังคงอยู่และมุ่งหน้าไปในทิศทางตรงกันข้ามไปยังพื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติเพื่อฟื้นฟูอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ ซึ่งสนับสนุนการซ่อมแซมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เมื่อลูกสาวของผม เมิ่งหว่านโจวบินจากฮ่องกงไปกรุงโตเกียวในเวลานั้น มีผู้โดยสารเพียงสองคนในเที่ยวบินนั้น หนึ่งคือเมิ่งหว่านโจว และอีกคนคือคนญี่ปุ่น

เราเป็นบริษัทที่มีความรับผิดชอบโดยทำงานเพื่อโชคชะตาของมนุษยชาติ หลังจากอินโดนีเซียเกิดเหตุการณ์สึนามิครั้งใหญ่ขึ้น หัวเว่ยได้บริจาคเงินสดและอุปกรณ์จำนวนมากโดยทันทีและพนักงานของหัวเว่ยหลายร้อยคนได้ออกเดินทางไปยังพื้นที่ชายฝั่งทะเลทันทีเช่นกันเพื่อฟื้นฟูอุปกรณ์สื่อสารซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการบรรเทาภัยพิบัติอย่างมาก

ในช่วงเกิดแผ่นดินไหวขนาด 9 ริกเตอร์ในประเทศชิลี พนักงานของเราสามคนติดอยู่ในศูนย์แผ่นดินไหวและขาดการติดต่อกับเรา สำนักงานตัวแทนโทรหาผม ถามว่าพวกเขาควรส่งคนไปหาพวกเขาหรือไม่ ผมบอกว่าเนื่องจากอาจมีอาฟเตอร์ช๊อก เราควรรออย่างอดทน มิเช่นนั้นแล้วทีมกู้ภัยอาจติดอยู่ในแผ่นดินไหวได้ หลังจากรออยู่สองสามวัน พนักงานที่ขาดการติดไปทั้งสามคนก็โทรหาเราและบอกว่าพวกเขาปลอดภัยและสบายดี

อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการท้องถิ่นไม่ทราบว่าหัวเว่ยได้ตัดสินใจที่จะให้ความสำคัญกับชีวิตของคนเหนือสิ่งอื่นใด เขาได้ขอให้พนักงานสามคนนี้ไปซ่อมอุปกรณ์ระบบคลื่นไมโครเวฟที่เสีย ดังนั้น พวกเขาจึงเก็บข้างของมุ่งหน้าไปยังศูนย์กลางของพื้นที่ภัยพิบัติเพื่อสนับสนุนการบรรเทาทุกข์ เราได้ทำวิดีโอสั้น ๆ เป็นเวลาสามนาทีเสนอเรื่องราวของพวกเขาโดยที่พนักงานสามคนนี้เป็นคนแสดงในวิดีโอเอง

หลังจากนั้น เมื่อผมไปประเทศชิลี คนที่รวยที่สุดในประเทศได้มอบไวน์ชั้นดีกับผมหนึ่งกล่อง จากนั้นผมได้ไปพบพนักงานคนหนึ่งในสามคนนี้แล้วมอบกล่องไวน์กล่องนั้นให้เขา เขารับไว้ด้วยความรู้สึกยินดีและไม่สนใจที่จะเทแบ่งให้กับผู้บริหารระดับสูงที่นั่งถัดจากเขาเลย เขาเป็นคนที่ตรงไปตรงมาและยอดเยี่ยมมาก

นอกจากนี้ หัวเว่ยยังทำงานอย่างหนักในหลายๆ พื้นที่ในแอฟริกาที่มีโรคติดเชื้อ เช่น กาฬโรค อีโบลา โรคเอดส์และมาลาเรีย พนักงานของหัวเว่ยหลายคนที่อยู่ที่นั่นถึงกับติดเชื้อมาลาเรีย ดังนั้น หัวเว่ยจึงใช้กฎของกองทัพสหรัฐที่รู้จักกันดีในการส่งเสริมซึ่งบอกว่ามีเพียงคนที่อยู่ในสนามรบ มีส่วนร่วมในการต่อสู้และมีแผลเป็นจึงจะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ที่หัวเว่ย คนที่ไม่เคยทำงานในพื้นที่ที่ยากลำบากจะไม่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นผู้นำระดับสูง


คำถามข้อ 32: ผมขอย้อนกลับไปที่ประวัติของคุณสักเล็กน้อยนะครับ ผมอยากวาดภาพให้ผู้ชมของเราได้เห็นว่าคุณเป็นใครและอะไรที่เป็นแรงบันดาลใจให้คุณ คุณก้าวจากการเป็นวิศวกรในกองทัพปลดแอกประชาชนมาเป็นผู้สร้างและก่อตั้งหัวเว่ยให้เป็นบริษัทในปี พ.ศ. 2530 ได้อย่างไร ?

คุณเหริน: ประสบการณ์ส่วนตัวของผมสามารถแบ่งออกเป็นสองช่วง:

ช่วงแรกคือเมื่อผมทำงานภายในระบบเศรษฐกิจที่วางแผนไว้ ผมรับใช้กองทัพก่อนเหตุการณ์ปลดอาวุธขนาดใหญ่เมื่อประเทศจีนปรับใช้ระบบเศรษฐกิจที่วางแผนไว้ ภายในระบบนั้น ผมทำหน้าที่เป็นวิศวกรจนขึ้นถึงระดับรองหัวหน้ากองร้อย แต่ทันใดนั้นเอง กองทัพได้ดำเนินการปลดอาวุธขนาดใหญ่และพวกเราหลายคนต้องลาออก เราถูกโยนลงในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ของระบบเศรษฐกิจแบบตลาด

ดังนั้น ในชีวิตช่วงที่สองของผมจึงใช้เวลาในการทำงานในระบบเศรษฐกิจแบบตลาด ตอนแรกผมไม่ทราบว่าเศรษฐกิจแบบตลาดคืออะไร ตัวอย่างเช่น ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคนถึงขายของในราคา 12 หยวนในเมื่อซื้อได้เพียง 10 หยวนเท่านั้น นั่นไม่ใช่การโกงใช่ไหม ความคิดของผมยังคงถูกจำกัดด้วยประสบการณ์ในอดีต โดยธรรมชาติแล้ว ผมเกิดอาการสำลักหลายครั้งในมหาสมุทรของตลาดแบบนั้น ผมยังเชื่อใจทุกคนมากเกินไป เมื่อผมได้ทำงานในบริษัทขนาดเล็ก บางคนโกงเงินผม ผมพยายามขอเงินคืน แต่ผมไม่มีเงินจ้างทนายความได้ ดังนั้น ผมจึงศึกษากฎหมายด้วยตัวเองเพื่อปกป้องตัวเอง หลังจากที่ผมอ่านกฎหมายต่างๆ ของหลายๆ ประเทศ ผมก็ตระหนักได้ว่าที่จริงแล้ว ระบบเศรษฐกิจแบบตลาดเป็นเรื่องเกี่ยวกับของสองสิ่ง: สินค้าและลูกค้า และกฎหมายทำการควบคุมสิ่งที่อยู่ระหว่าง - ซึ่งก็คือธุรกรรม ผมไม่สามารถควบคุมลูกค้าได้ แต่ผมสามารถถือครองสินค้าและปฏิบัติตามกฎหมายได้ นั่นคือสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดความพยายามด้านการวิจัยและพัฒนาของเรา เราจะต้องทำการวิจัยเกี่ยวกับสินค้าและขายสินค้าต่างๆ ให้กับลูกค้าของเราผ่านการทำธุรกรรมที่ถูกกฎหมายหากเราต้องการหารายได้จากลูกค้าของเรา

ในสถานการณ์นั้น ผมถูกนายจ้างเก่าไล่ออก ผมจึงต้องหางานใหม่ มันเกิดขึ้นทันทีหลังจากที่จีนได้นำนโยบายปฏิรูปและการเปิดประเทศมาใช้ และเริ่มให้คนหนุ่มสาวที่มีความรู้กลับไปยังเมืองต่างๆ รัฐบาลยังให้คนหนุ่มสาวเหล่านี้ทำธุรกิจอีกด้วย เช่น การขายชาหรือขนมปังนึ่ง เพราะพวกเขาไม่สามารถจัดหางานให้พวกเขาทุกคนได้ ในเซินเจิ้น เริ่มที่บริษัทเทคโนโลยีต่างๆ ได้รับอนุญาต ดังนั้น ผมจึงตัดสินใจลองทำและเริ่มต้นกับหัวเว่ย ที่จริงแล้วผมก่อตั้งหัวเว่ย เพราะผมไม่มีวิธีอื่นในการหาเลี้ยงชีพ นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา ผมติดอยู่กับความคิดดั้งเดิมของผมซึ่งก็คือการทำสินค้าที่มีคุณภาพและขายสินค้าให้กับลูกค้าในราคาที่สมเหตุสมผลเพื่อมีรายได้ นั่นเป็นเหตุผลง่าย ๆ ว่าทำไมผมถึงก่อตั้งหัวเว่ยและบริหารจัดการหัวเว่ยให้มาถึงจุดที่อยู่ในปัจจุบันนี้ได้อย่างไร


คำถามข้อ 33: คุณใฝ่ฝันให้บริษัทเป็นอย่างไรเมื่อย้อนกลับไปยังปี พ.ศ. 2530?

คุณเหริน: ในเวลานั้น เรายังไม่มีแม้แต่อาหารที่เพียงพอเลยครับ ความปรารถนาเพียงอย่างเดียวของผมก็คือการอยู่ให้รอด ลูกสาวของผมยังเด็กมากๆ แม่ของเธอมักจะบอกผมว่าเธอจำเป็นต้องซื้อปลาและกุ้งที่เก่าไม่สดในตลาดตอนห้าโมงเย็นและทำอาหารให้ลูกสาวของเราเพื่อทำให้แน่ใจว่าเธอได้รับโปรตีนอย่างเพียงพอ เนื่องจากเด็กไม่สามารถเจริญเติบโตได้อย่างสุขภาพแข็งแรงหากขาดโปรตีน ย้อนกลับไปตอนนั้น เราสามารถรักษามาตรฐานการครองชีพขั้นต่ำได้เท่านั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะมีความทะเยอทะยานใด ๆ เพราะเราไม่แม้แต่จะรู้ด้วยซ้ำว่าเราจะสามารถอยู่รอดได้หรือไม่ สโลแกนที่มีชื่อเสียงที่สุดของผมที่หัวเว่ย คือ "เอาตัวรอดเอาตัวรอดและเอาตัวรอด" แม้กระทั่งทุกวันนี้ เรื่องราวของเครื่องบินที่ชำรุดเสียหายที่ผมได้พูดคุยไว้ก็ยังคงเกี่ยวกับเรื่องการเอาชีวิตรอด ผมไม่มีความทะเยอทะยานยิ่งใหญ่อะไรเลยครับ


คำถามข้อ 34: คุณเคยจินตนาการไหมครับว่าคุณจะได้มานั่งที่นี่ในตำแหน่งนี้วันนี้?

คุณเหริน: คนที่ไม่มีความปรารถนามากมักจะกลายเป็นคนที่มีความสามารถมากกว่าอยู่เสมอ ผมไม่เคยนึกภาพของตัวเองในที่ตรงนี้และไม่ต้องการหาเงินได้จำนวนมาก ดังนั้น ผมจึงถือหุ้นของบริษัทเพียงจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น ผมไม่ได้เป็นเจ้าของอพาร์ทเมนท์ในปี พ.ศ. 2543 ภรรยาของผมและผมเช่าห้องขนาดแค่ 30 ตารางเมตร หรือ ขนาดครึ่งหนึ่งของห้องประชุมห้องนี้เท่านั้นเอง และห้องหันหน้าไปทางทิศตะวันตก ไม่มีเครื่องปรับอากาศ

เราจะไม่หันหลังกลับไป ถ้าหากเราทำ ก็จะไม่มีอะไรนอกจากความยากจนเท่านั้น แต่ถ้าเราก้าวไปข้างหน้า ก็จะมีความหวังบ้าง ถ้าเราหันหลังกลับ ก็จะไม่มีความหวังอย่างแน่นอน ดังนั้น เราจึงต้องกัดฟันและมุ่งไปข้างหน้า ทันใดนั้น เราก็เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์และค้นพบตัวเราอยู่บนยอดเขา

ถ้าหากว่าสหรัฐอเมริกาไม่โจมตีเรา เราก็จะไม่รู้เลยว่าเราเป็นคนสำคัญบนโลกใบนี้ ขอขอบคุณสหรัฐฯ ตอนนี้เราทราบแล้วว่าเรายืนอยู่ตรงที่ใดและเรารู้สึกภูมิใจมาก แม้ว่าหัวเว่ยจะล้มลงในวันนี้ แต่เราก็ยังคงรู้สึกภูมิใจ เพราะเป็นคุณทรัมป์ ไม่ใช่คนธรรมดา ที่ทำให้เราพ่ายแพ้


คำถามข้อ 35: ประสบการณ์ทางทหารของคุณมีอิทธิพลต่อแนวทางการดำเนินธุรกิจของคุณมากน้อยแค่ไหนครับ?

คุณเหริน: ไม่มีการหันหลังกลับครับ สิ่งที่เราสามารถทำได้ก็คือวางเท้าข้างหนึ่งไว้ข้างหน้าเท้าอีกข้างหนึ่ง เราต้องเดินย่ำเติมพลังให้โรงสีข้าวเหมือนลา เป็นแป้งที่เราบดที่ทำให้เราขับเคลื่อนไปข้างหน้า เรามีการบริหารจัดการเพื่อแซงหน้าคนอื่นๆ และนำหน้าทีละก้าว ลักษณะของทหารจะเกี่ยวข้องกับการเผชิญหน้ากับความยากลำบากและความท้าทายต่าง ๆ และก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว


คำถามข้อ 36: คุณมีช่วงเวลาที่บริษัทเผชิญกับความยากลำบากครั้งหนึ่งในปี พ.ศ. 2543 คุณพูดถึงปี พ.ศ. 2543 เมื่อซิสโก้ฟ้องร้องหัวเว่ยเรื่องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาดังกล่าวนั้น ในตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับบริษัทมากกว่าปี พ.ศ. 2543 หรือไม่ หรือว่าช่วงเวลานั้นยังคงเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายมากที่สุดสำหรับหัวเว่ยครับ?

คุณเหริน: สำหรับพวกเรา ไม่มีช่วงเวลาใดที่ปราศจากความยากลำบาก ทุกช่วงเวลายากลำบากมากที่สุด


คำถามข้อ 37: มีการรายงานอีกด้วยว่าคุณได้พิจารณาที่จะขายธุรกิจให้โมโตโรล่าในปี พ.ศ. 2543 ผมคิดว่าเป็นปี พ.ศ. 2543 นะครับ เวลานั้นเป็นโชคชะตาที่พลิกกลับมามีความสุขที่คุณไม่ได้ขายบริษัทใช่ไหมครับ?

คุณเหริน: ผมคิดว่าโมโตโรล่าคงรู้สึกมึนงงในเรื่องนี้นะครับ ในสัปดาห์นั้น คุณเอ็ด แซนเดอร์เข้ามารับตำแหน่งแทนคุณคริสโตเฟอร์ กัลวิน ประธานอันดับสองของโมโตโรล่าซึ่งคือคุณไมค์ ซาฟิโรฟสกิได้เจรจากับเราเกี่ยวกับสัญญาการทำธุรกรรมทั้งหมดและลงนามในเอกสารทั้งหมด

ในขณะที่รอการอนุมัติขั้นสุดท้าย เราทุกคนใส่เสื้อพิมพ์ลายดอกไม้ วิ่งเล่นไปรอบ ๆ และเล่นปิงปองบนชายหาด จากนั้น เราก็ได้รับรู้ว่าคุณเอ็ดปฏิเสธการเข้าซื้อกิจการนี้

หลายปีต่อมาเมื่อผมได้พบกับซีอีโอของอีริคสัน เขาบอกว่าไมค์ร้องไห้เลยเมื่อพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เขาสงสัยว่าทำไมการซื้อกิจการครั้งใหญ่นี้จึงถูกคัดค้าน

ในเวลานั้น พวกเราที่หัวเว่ยรู้สึกกลัวสหรัฐอเมริกามาก เราทราบว่าเราจะต้องเตรียมต่อสู้กับสหรัฐฯ ในขณะที่เราพัฒนาต่อไป เราทราบว่าเราเป็นใครแล้ว ดังนั้น เราจึงวางแผนที่จะขายหัวเว่ยและเข้าสู่ภาคธุรกิจการท่องเที่ยวและรถแทรกเตอร์ แต่ข้อตกลงกลับล้มเหลว ดังนั้น เราจึงเข้าร่วมการหารือครั้งใหม่ว่าทำเทคโนโลยีต่อหรือขายหัวเว่ยให้กับคนอื่น ผมพร้อมที่จะประนีประนอม นั่นคือสไตล์ของผม ผมมักจะประนีประนอมอยู่เสมอหากนั่นเป็นสิ่งถูกต้องที่จะต้องทำ

อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารหนุ่มสาวของเราทุกคนบอกว่าพวกเขาต้องการดำเนินธุรกิจของเราต่อไป พวกเขาล้วนมีพื้นฐานทางเทคนิค หากพวกเขาเลิกทำเทคโนโลยีและเข้าสู่ธุรกิจการท่องเที่ยว พวกเขาคิดว่าพวกเขาจะทำธุรกิจท่องเที่ยวได้ไม่ดี ดังนั้น พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะยึดติดกับเทคโนโลยี

ผมตอบว่า "เราอาจมีความขัดแย้งกับสหรัฐฯ สิบปีนับจากนี้ ดังนั้น เราต้องเดินหน้าต่อไปและทำงานหนักเพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้น" พวกเขาตอบอย่างเป็นเอกฉันท์ว่าได้ ตอนนี้ เรากำลังต่อสู้อย่างหนักเหมือนเครื่องบินที่เต็มไปด้วยรูกระสุน แต่เราไม่ได้ถูกแบ่งแยก เรากลับยิ่งเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน - ซึ่งอาจมีบางเรื่องที่ต้องทำด้วยการคาดการณ์ของเราในตอนนั้น

แต่เราสามารถทำได้หรือไม่นั้น เรายังไม่รู้คำตอบ มีคนถามผมว่าถ้าเครื่องยนต์และถังน้ำมันถูกชน อย่าถามผมว่าเครื่องบินของเรายังสามารถบินได้หรือไม่หากไม่มีใครขายเครื่องยนต์ ถังน้ำมันเชื้อเพลิงหรือเชื้อเพลิงให้เรา

เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นความท้าทายใหม่ๆ เราจะเผชิญกับความท้าทายต่างๆ เหล่านี้ซึ่งๆ หน้า เราต้องปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์เฉพาะหน้าเมื่อทำการสำรวจหนทางข้างหน้า

สำหรับที่คุณถามว่าเครื่องบินของเราจะสามารถลงจอดได้หรือไม่นั้น ผมไม่สามารถพูดได้อย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่สำคัญจริงๆ คือเราลงจอดอย่างปลอดภัย ตอนนี้ เครื่องบินที่เสียหายลำนี้ยังคงบินอยู่ในอากาศ โดยอาจไม่สามารถทนทานต่อลมแรงและอาจตกลงสู่พื้นดินได้

เรื่องนี้ทำให้หัวเว่ยแข็งแกร่งมากขึ้นโดยอัตโนมัติหรือไม่ครับ?

คุณเหริน: ไม่จำเป็นครับ ผมจะบอกว่ามันเป็นการทดสอบด้วยไฟ ช่วยให้เราสร้างตัวเองขึ้นใหม่


คำถามข้อ 38: คุณคิดว่าโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหัวเว่ยอยู่ตรงที่ใดในอนาคต?

คุณเหริน: เมื่อเรายังไม่ได้แก้ปัญหาด้วยการเอาชีวิตรอด เราจะสามารถพูดถึงอนาคตได้อย่างไร ยังมีเครื่องหมายคำถามว่าสหรัฐฯ จะให้ใบอนุญาตแก่เราเพื่อความอยู่รอดหรือไม่ การพูดถึงเรื่องอนาคตจึงเป็นเรื่องที่เร็วเกินไป


คำถามข้อ 39: พูดถึงความอยู่รอด บริษัทมีชื่อเสียงในการใช้จ่ายรายได้ 10% ทุกปีอย่างหนักให้กับการวิจัยและพัฒนาและในบางแง่มุมก็เป็นตัวเร่งปฎิกิริยาที่สำคัญในการขับเคลื่อนหัวเว่ยก้าวสู่ระดับแนวหน้าของยุคเทคโนโลยี 5G ทั้งนี้ จากการกระทำของสหรัฐฯ นั่นหมายความว่าคุณจะต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อทำการพัฒนาผลิตภัณฑ์และชิ้นส่วนที่บริษัทของคุณพัฒนาเองหรือไม่?

คุณเหริน: เราเคยตั้งราคาค่อนข้างต่ำตามต้นทุนของเรา ซึ่งทำให้บริษัทฝั่งตะวันตกบางแห่งประสบปัญหา บางรายถึงกับล้มละลาย ผมไม่ได้ภูมิใจในเรื่องนั้นเลยนะครับ แต่ตอนนี้ราคาของเราค่อนข้างสูง สูงกว่าราคาของอีริคสันและโนเกีย และเรามีรายได้จำนวนมากก็เพราะเรื่องนี้ ตอนนี้มาตรฐานเงินเดือนของเราสูงกว่าเมื่อเทียบกับบริษัทฝั่งตะวันตก หากเรายังคงแจกจ่ายเงินให้กับพนักงานของเรามากขึ้น พวกเขาก็จะรู้สึกอิ่มเอมใจ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ เราจึงจ่ายเงินมากขึ้นเพื่อเป็นทุนในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และการลงทุนในอนาคต นี่คือสิ่งที่เราเรียกว่า "การเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน" ที่หัวเว่ย แอปเปิ้ลเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก แอปเปิ้ลที่ขายสินค้าในราคาที่สูงเปรียบเสมือนร่มขนาดใหญ่ที่มีบริษัทอื่น ๆ ที่ขายสินค้าในราคาที่ต่ำกว่าอยู่ภายใต้ร่มและสามารถอยู่รอดได้ ด้วยแรงบันดาลใจจากแอปเปิ้ล เรายังได้เปิดร่มของเราเองอีกด้วย เพียงแต่ว่าของเราอยุ่ในระดับที่ต่ำกว่า เราไม่คิดราคาต่ำเช่นกัน เนื่องจากเรามีหลายๆ มาตรการในการลดค่าใช้จ่าย ด้วยเงินพิเศษที่ทำได้ เราจะลงทุนมากขึ้นกับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และอนาคต

ตราบเท่าที่เรามีเงินเพียงพอที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้ เราจะเพิ่มการลงทุนต่อเนื่อง แม้ในเวลาที่ยากลำบากที่สุด เราก็จะยังคงลงทุนเพื่ออนาคต มิฉะนั้นแล้วก็จะไม่มีอนาคตเลย หากบริษัทประสบปัญหาขาดทุนจนถึงจุดที่เราไม่สามารถจ่ายเงินเดือนพนักงานได้แล้ว นั่นก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เราไม่มีปัญหาเช่นนั้นในขณะนี้ เราจะประหยัดเงินที่สามารถประหยัดได้เพื่อก้าวไปข้างหน้า แต่เราจะไม่ตัดเงินทุนสำหรับการลงทุนด้าน R&D มิฉะนั้นแล้ว บริษัทก็จะล้มได้


คำถามข้อ 40: เมื่อพูดถึงการแข่งขันสำหรับผู้มีความสามารถพิเศษ เราเห็นนักศึกษาชาวจีนจำนวนมากที่ถูกปฏิเสธวีซ่าเข้าสหรัฐฯ และนักวิชาการชาวจีนบางคนก็ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าสหรัฐฯ ด้วย นั่นจะเป็นโอกาสให้หัวเว่ยสามารถดึงดูดชาวจีนที่มีความสามารถพิเศษให้เข้ามาทำงานในบริษัทหรือไม่?

คุณเหริน: ขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายต่างๆ ของเราในเขตต่าง ๆ ขาดแคลนผู้มีความสามารถพิเศษดังกล่าวหรือไม่ ถ้าใช่ แน่นอนอยู่แล้วที่เราจะยินดีต้อนรับพวกเขา


คำถามข้อ 41: คุณคิดว่าอะไรจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่สำคัญมากที่สุดในอนาคต?

คุณเหริน: ปัญญาประดิษฐ์ครับ

AI หรือครับ? บริษัทและคุณจะมุ่งความสนใจเพิ่มมากขึ้นกับเรื่องนั้นใช่ไหมครับ?

คุณเหริน: ในขณะนี้ มีการใช้ชิป AI และระบบ AI ต่างๆ อย่างแพร่หลายในหัวเว่ย หากไม่มี AI สนับสนุนสายผลิตภัณฑ์และระบบการบริหารจัดการต่างๆ ของเรา ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการของเราจะมีจำนวนมหาศาลและจะไม่มีเงินเพิ่มเติมสำหรับ R&D นอกจากนี้ ยังมีการใช้ AI อย่างแพร่หลายในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของเรา


คำถามข้อ 42: คุณวางแผนที่จะเป็นซีอีโอของบริษัทอีกนานแค่ไหนครับ?

คุณเหริน: ผมยังไม่แน่ใจครับ บางทีผมอาจจะอยู่ในตำแหน่งนี้สักพัก

คุณมีแผนสืบทอดตำแหน่งอยู่หรือไม่ครับ?

คุณเหริน: เรามีแผนการสืบทอดตำแหน่งอยู่เสมอ ผู้สืบทอดของผมไม่ใช่บุคคลคนเดียว แต่เป็นกลุ่มบุคคลที่อยู่ภายใต้กลุ่มบุคคลอีกกลุ่มแล้วก็อีกกลุ่มหนึ่ง เหมือนห่วงโซ่ที่สนับสนุนแผนการสืบทอดขนาดใหญ่ แผนการสืบทอดตำแหน่งของเราไม่ได้เกี่ยวกับบุคคลคนเดียว จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากมีผู้สืบทอดเพียงคนเดียวแล้วผู้สืบทอดท่านนั้นเจ็บป่วยขึ้นมา? และเราเป็นเครื่องบินที่เสียหายอยู่ ดังนั้น แผนการสืบทอดตำแหน่งของเราไม่ได้เกี่ยวกับบุคคลคนเดียว แต่เกี่ยวกับกลุ่มบุคคล


คำถามข้อ 43: ผมแค่ต้องการจะย้อนกลับมาที่หัวข้อเดิมที่เราพูดกันในช่วงต้นๆ เกี่ยวกับสินค้าจัดส่ง เราได้คุยกันเกี่ยวกับว่าผู้จำหน่ายสินค้ารายใหญ่บางราย อาทิเช่น อินเทล, ควอลคอมม์, อาร์ม, พานาโซนิค และดูเกิ้ลกำลังจำกัดการจัดส่งชิ้นส่วนและซอฟต์แวร์ให้กับหัวเว่ย แค่อธิบายให้เราทราบว่าคุณจะรับมือกับพายุเช่นนี้อย่างไร คุณวางแผนอะไรไว้สำหรับเหตุฉุกเฉิน? คุณช่วยให้รายละเอียดเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยเกี่ยวกับแผนฉุกเฉินที่วางไว้ให้เราทราบได้ไหมครับ?

คุณเหริน: บริษัทต่างๆ ในสหรัฐฯ จะต้องประเมินประโยชน์และสถานการณ์ของตนเองก่อนทำการตัดสินใจ เราสนับสนุนให้บริษัทจัดจำหน่ายทำการประเมินตนเอง สื่อมากมายได้รายงานข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงยังไม่ชัดเจนในขณะนี้

แต่คุณได้เริ่มวางแผนฉุกเฉินตั้งแต่ปีที่แล้วตามที่เราได้ข้อมูลมา อะไรที่ทำให้คุณตัดสินใจทำเช่นนั้นครับ? คุณทราบได้อย่างไร? อะไรที่สนับสนุนให้คุณตัดสินใจเริ่มวางแผนหากเกิดขึ้นจริงในที่สุด?

คุณเหริน: แผนฉุกเฉินของเราไม่เพียงแต่จะหมายถึงการรับมือกับเหตุฉุกเฉินต่าง ๆ เท่านั้น แต่ยังช่วยให้เรากลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมด้วยเช่นกัน หากอุตสาหกรรมไม่สามารถจัดหาเทคโนโลยีขั้นสูงได้ อาทิเช่น ชิปและชิ้นส่วนขั้นสูง เราก็จะต้องพัฒนาด้วยตนเราเอง แต่เราพัฒนาแค่บางส่วนเท่านั้น เราจะไม่สามารถจ่ายค่าใช้จ่ายในการทำทุกอย่างด้วยตนเราเอง เราได้เตรียมชิ้นส่วนหลักของเครื่องบิน โดยรวมถึงเครื่องยนต์และถังเชื้อเพลิง แต่เราไม่มีชิ้นส่วนอีกมากมายที่จะสร้างปีก เรายังต้องตรวจสอบว่าชิ้นส่วนใดได้รับความเสียหายและซ่อมได้ อีกประมาณสองหรือสามปี คุณจะได้เห็นว่าเราเอาตัวรอดได้หรือไม่เมื่อคุณมาสัมภาษณ์เรา


คำถามข้อ 44: คุณได้คุยกันเกี่ยวกับการเอาชีวิตรอด ปัญหาอะไรที่สามารถเป็นสาเหตุที่จะฆ่าบริษัทได้ครับ?

คุณเหริน: นักฆ่าที่มีศักยภาพที่ใหญ่ที่สุดของหัวเว่ยจะเป็นการขาดความมั่นใจ การขาดความตั้งใจจริงและการขาดความพยายามพากเพียร


คำถามข้อ 45: วิธีหนึ่งในการดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับหัวเว่ยก็คือดูสิ่งที่จีนทำกับบริษัทต่างๆ ของสหรัฐในอดีต การสกัดกั้นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำบางแห่งของอเมริกา ดังนั้น ในบางแง่มุม บางคนอาจแย้งว่าสหรัฐฯ แค่พยายามทำให้เท่าเทียมด้วยการจำกัดบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ ของจีนเท่านั้น

คุณเหริน: พวกเขาไม่เพียงแต่จะจำกัดการเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังเข้าใกล้เราเพื่อจู่โจมทั่วโลก หากพวกเขา ทำแค่จำกัดการเข้าถึงตลาดสหรัฐฯ ของเรา ผมจะรู้สึกเต็มใจที่จะยอมรับเรื่องนั้นได้ เพราะผมไม่มีความต้องการเฉพาะในการเริ่มเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ

จีนห้ามบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำต่างๆ ของอเมริกาจำนวนมากไม่ให้ดำเนินงานที่นี่ ดังนั้น บางคนก็จะแย้งว่าการทำให้สนามแข่งขันอยู่ในระดับที่เท่ากันก็เป็นเรื่องที่ยุติธรรมดี

คุณเหริน: สหรัฐฯ กำลังออกกฎหมายเพื่อจำกัดเรา แต่พวกเขาจำเป็นต้องบอกเราว่าเราทำผิดอะไร สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ใช้การแบ่งแยกอำนาจ แต่พวกเขาพิพากษาเราง่ายๆ ด้วยแค่การลงคะแนนโดยฝ่ายนิติบัญญัติเท่านั้น นั่นเป็นสิ่งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ดังนั้น เราจึงยื่นฟ้องพวกเขา


คำถามข้อ 46: คุณได้คุยกับนักข่าวจีนและคุณได้คุยว่าจีนสามารถปฏิรูปและเปิดกว้างได้เร็วยิ่งขึ้น ผมสงสัยว่าคุณคิดว่าหากมีบางขั้นตอนเหล่านั้นเป็นการปฏิรูป การเปิดตลาดที่นี่ในระยะแรก เราก็จะไม่อยู่ในตำแหน่งที่เราอยู่ในตอนนี้ใช่ไหมครับ

คุณเหริน: เราต้องไม่เชื่อมโยงเรื่องของเรากับประเด็นที่ว่าจีนควรเร่งการปฏิรูปและเปิดประเทศหรือไม่ นี่เป็นสองสิ่งที่แตกต่างกัน ผมมักจะสนับสนุนการปฏิรูปและการเปิดประเทศของจีนมาโดยตลอด เพราะความคิดริเริ่มนี้ได้ช่วยสนับสนุนความมั่งคั่ง ความแข็งแกร่งและความเจริญรุ่งเรืองของประเทศจีน และจะยังคงเป็นเช่นนั้นต่อไป ประเทศจีนต้องไม่ปิดประเทศอีกต่อไป จีนปิดประเทศมาอย่างน้อย 5,000 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศจีนยากจน จากการปฏิรูปและการเปิดประเทศมาเป็นเวลา 30 ปี จีนมีความเจริญรุ่งเรือง การเปิดประเทศส่งผลดีต่อประเทศจีน เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับชะตากรรมของหัวเว่ยนะครับ ผมสนับสนุนให้ประเทศจีนพยายามเปิดประเทศต่อไป

อย่างไรก็ตาม การเปิดประเทศจำเป็นต้องทำทีละขั้นตอน สหรัฐฯ เป็นประเทศที่เปิดกว้างมากที่สุด แต่ก็ยังคงไม่อนุญาตให้หัวเว่ยเข้าสู่ตลาดของตนเองใช่ไหมครับ? ถ้าหากสหรัฐฯ สามารถเปิดประเทศทีละขั้นตอน ทำไมจีนจะทำไม่ได้ล่ะครับ?


คำถามข้อ 47: เมื่อคุณนั่งอยู่ที่นี่ในวันนี้ คุณเห็นว่าหัวเว่ยจะไปอยู่ตรงไหนในอีกห้าปี? คุณมีวิสัยทัศน์อย่างไรต่อบริษัท? คุณคาดหวังว่าบริษัทแห่งนี้จะมีลักษณะเป็นอย่างไรภายในกรอบเวลานั้น?

คุณเหริน: ผมไม่สามารถจินตนาการได้ว่าสิ่งต่าง ๆ จะเป็นอย่างไรในเวลาอีกห้าปี ก่อนอื่นเราควรจะจินตนาการว่าจะเป็นอะไรในอีกสามปีจะดีกว่า เมื่อคุณมาเยี่ยมเราในอีกสามปีข้างหน้า หากว่าหัวเว่ยสาบสูญไปแล้ว โปรดนำดอกกุหลาบและวางไว้ก่อนที่หลุมฝังศพของเราด้วย หากว่าหัวเว่ยยังคงอยู่ที่นี่ ผมจะมอบเค้กชิ้นใหญ่ให้คุณ ผมหวังว่าเมื่อคุณเยี่ยมชมเราในอีกสามปีข้างหน้า คุณจะไม่ต้องนำดอกกุหลาบมา แต่ผมจะอบเค้กชิ้นใหญ่ให้คุณแทน นี่คือสิ่งที่ผมนึกปรารถนา แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต

ยังคงรอดอยู่ใช่ไหมครับ

คุณเหริน: การอยู่รอดเป็นสิ่งที่สำคัญอันดับแรกสุดของเราเสมอ หากไม่สามารถอยู่รอดได้ การพัฒนาก็จะไม่เกิดขึ้น ผมไม่มีความฝันอะไรเลย ผมคิดว่าเรายังต้องมีการปฏิบัติและแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เราเผชิญอยู่ในปัจจุบัน


คำถามข้อ 48: ขอกลับมาที่คำถามเกี่ยวกับซิสโก้และการดำเนินการตามกฎหมายที่เกิดขึ้นช่วงต้นปี พ.ศ. 2546 มีอะไรเพิ่มเติมไหมครับที่คุณสามารถทำได้ในตำแหน่งของคุณระหว่างช่วงเวลานั้นกับตอนนี้เพื่อจัดการกับข้อกังวลต่างๆ เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นข้อกังวลด้านความไว้วางใจหรือกรณีที่พนักงานหัวเว่ยบางคนละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

คุณเหริน: ก่อนเกิดคดีของซิสโก้ เราได้ให้ความสำคัญอย่างสูงกับการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญาอยู่แล้ว นั่นคือเหตุผลที่เราสามารถตกลงคดีใหญ่กับซิสโก้นอกศาลได้ อย่างไรก็ตาม คดีนี้ทำให้เราตื่นตัวมากขึ้น หลังจากนั้น เราให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญามากขึ้น ทรัพย์สินทางปัญญาของเราเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อมนุษยชาติ เรามีเงื่อนไขบังคับมากมายภายในหัวเว่ยเกี่ยวกับเรื่องนี้


คำถามข้อ 49: ในด้านวัฒนธรรม วัฒนธรรมของหัวเว่ยมีชื่อเสียงในการขับเคลื่อนพนักงานอย่างหนักให้พัฒนาปีกต่างๆ เหล่านั้นไปข้างหน้า และผลักดันบริษัทให้อยู่หน้าคู่แข่ง การผลักดันเช่นนั้น ความปรารถนาอันแรงกล้าเช่นนั้น การขับเคลื่อนให้ดีขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งเช่นนั้น วัฒนธรรมเช่นนั้นเป็นการโทษกรณีบางเรื่องเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีหุ่นยนต์ Tappy ของที-โมบายเมื่อคุณมีพนักงานหัวเว่ยที่พยายามเอาข้อมูลลับจากอุปกรณ์ชิ้นนั้น ในระดับหนึ่ง นั่นเป็นการแสดงถึงวัฒนธรรมของหัวเว่ยบางอย่างที่ผลักดันพนักงานอย่างหนักใช่ไหมครับ?

คุณเหริน: สำหรับกรณีเฉพาะต่างๆ ที่ยังคงอยู่ระหว่างการดำเนินการทางกฎหมาย เราจะต้องรอให้ศาลตัดสินก่อน โดยทั่วไปแล้ว หัวเว่ยของเรามีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ

บริษัทเคยมีการตั้งระบบหรือแผนการใด ๆ ในการให้รางวัลแก่พนักงานที่สามารถขโมยทรัพย์สินทางปัญญามาได้หรือไม่ครับ?

คุณเหริน: ไม่มีแน่นอนครับ

กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกากล่าวว่ามีแผนการใหโบนัสที่จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้พนักงานหัวเว่ยขโมยทรัพย์สินทางปัญญาใช่หรือไม่ครับ?

คุณเหริน: กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ ได้ยื่นฟ้องและเราต้องรอคำตัดสินของศาล

แล้วคุณจะยอมรับระบบดังกล่าวหรือไม่ครับ

คุณเหริน: ไม่ยอมรับอย่างแน่นอนครับ